MINT มั่นใจกำไรปีนี้ทำนิวไฮ เล็งซื้อกิจการธุรกิจโรงแรม-ธุรกิจอาหารต่อเนื่อง
MINT มั่นใจกำไรปีนี้ทำนิวไฮ เตรียมชงแผน 5 ปี (58-62) เสนอบอร์ด คาดเพิ่มเงินลงทุน ด้านธุรกิจโรงแรมปี 59 ตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเติบโต 10% จากปีนี้ที่คาดโต 5-7% เล็งเข้าซื้อกิจการธุรกิจโรงแรม-ธุรกิจอาหารต่อเนื่อง
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากทุกธุรกิจที่เติบโตดีอย่างต่อเนื่องทั้งโรงแรมและร้านอาหาร โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่ช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการเติบโตในครึ่งปีหลัง ขณะที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วย พร้อมเตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทถึงแผน 5 ปีใหม่ (ปี 58-62) ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเงินลงทุนจากแผนเดิมรองรับการเข้าซื้อกิจการต่อเนื่อง
สำหรับแผนธุรกิจระยะยาวเดิม (ปี 57-61) บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิปีจะเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 15-20% และรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 12-14% โดยปีนี้มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้า ซึ่งบริษัทจะมีกลยุทธ์หลัก 3 กลยุทธ์ ได้แก่ การเพิ่มมาร์จิ้นของแบรนด์โดยเฉพาะที่บริษัทพัฒนาเอง การเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์เพื่อให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น เช่น ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทปรับปรุงโรงแรมอนันตรา โดยคาดว่าจะสามารถปรับปรุงแล้วเสร็จปลายปีนี้ และการที่บริษัทจะเข้าซื้อกิจการและลงทุนธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีการนำแผน 5 ปีใหม่ (ปี 58-62) เข้าเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทในช่วงเดือน ต.ค.นี้ เพื่อจะทบทวนการเติบโตของผลการดำเนินงาน และพิจารณาเงินลงทุนใหม่ ซึ่งมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น จากแผนลงทุนเดิม(ปี 57-61) ที่ตั้งไว้ 5.2-5.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนการเข้าซื้อโรงแรมทิวารี่ (Tivoli) ในบราซิลและโปรตุเกส คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จอีก 8 แห่งภายในปลายปีนี้ หลังช่วงต้นปีบริษัทซื้อโรงแรมทิวารี่มาแล้ว 6 แห่ง แบ่งเป็นในบราซิล 2 แห่ง และอีก 4 แห่งในโปรตุเกส ทั้งหมดรวม 14 แห่ง
ด้านธุรกิจโรงแรมในปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโต 10% จากปีนี้ที่คาดเติบโต 5-7% หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 4,200 บาท/ห้อง/คืน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงโรงแรม เช่น โรงแรมอนันตรา ครึ่งปีแรกราคาห้องพัก/วัน(ADR)เพิ่มขึ้น 7-10% ขณะเดียวกันคาดว่าอัตราการเข้าพัก (OCC) เฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 65-70% จาก 60% ในปีก่อน โดยเฉพาะไตรมาส 4/58 เป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นมาก
โดยปัจจุบัน บริษัทมีโรงแรม 134 แห่ง มีจำนวนห้องพัก 17,000 ห้อง กระจายอยู่ใน 22 ประเทศทั่วโลก มีร้านอาหาร 1,747 ร้าน และร้านค้าปลีกกว่า 287 สาขา มีพื้นที่ประมาณ 23,314 ตารางเมตร ซึ่งแผน 5 ปีจากปีนี้ถึงปี 61 บริษัทตั้งเป้ามีจำนวนโรงแรมมากกว่า 190 แห่ง มีร้านอาหารมากกว่า 3,300 สาขา และมีร้านค้าปลีกมากกว่า 360 สาขา ขนาดพื้นที่มากกว่า 37,000 ตารางเมตร ซึ่งบริษัทจะมีการเข้าซื้อกิจการทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ปัจจุบันมีการเจรจาอยู่หลายดีลทั้งในและต่างประเทศ เงินลงทุนตามแผน 5 ปีปัจจุบัน แบ่งเป็น การใช้ขยายธุรกิจ 3-3.2 หมื่นล้านบาท และใช้ในการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) 2.2-2.4 หมื่นล้านบาท ด้านแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดในมือรวมถึงการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.2 เท่า