DOHOME บวก 3% โบรกฯ เชียร์ซื้อ รับแผนกระตุ้นศก.-กำไรปีนี้ฉายแววสดใส
DOHOME บวก 3% โบรกฯ เชียร์ซื้อ รับแผนกระตุ้นศก.-กำไรปีนี้ฉายแววสดใส ล่าสุดอยู่ที่ 15.40 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 3.36% มูลค่าซื้อขาย 198.09 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ล่าสุด ณ เวลา 15.21 น. อยู่ที่ 15.40 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 3.36% สูงสุดที่ 15.40 บาท ต่ำสุดที่ 14.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 198.09 ล้านบาท
ทั้งนี้ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุใบทวิเคราะห์ว่า ผลการประชุม ครม. ปรากฏว่าที่ประชุมอนุมัติ (1) เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รอบสอง ไม่ว่าจะเป็นแรงงานนอกระบบ อาชีพอิสระ เกษตรกร วงเงิน 3.5 พันบาท / คน เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยประชาชนจะได้รับเงินช่วงสิ้นเดือน ม.ค. หรืออย่างช้าต้น ก.พ. (2) ช่วยเหลือค่าไฟและค่าน้ำเป็นระยะเวลา 2 เดือน (3) อนุมัติโครงการคนละครึ่งอีก 1 ล้านสิทธิ์ กำหนดลงทะเบียน 20 ม.ค. และเริ่มใช้สิทธิ์ 25 ม.ค. 21 ความเห็นเรามองว่าถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่างไรก็ตามปัจจัยข้างต้นไม่ได้ถือเป็น Upside ต่อประมาณการเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียน เพียงแต่เป็นตัวจำกัด Downside มากกว่า มองกลุ่มค้าปลีกรับประโยชน์มากสุด (BJC CPALL DOHOME GLOBAL) โดยเฉพาะค้าปลีกที่ง่ายต่อการเข้าถึง (CPALL)
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า กลุ่ม Home Improvement ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 กำไรยังทรงตัวได้ดี เมื่อเทียบกับกลุ่มค้าปลีกอื่นๆ อ้างอิงจากกำไรในช่วงโควิด-19 ระบาดในช่วงไตรมาส 2-3/2563 รวมถึงได้รับผลบวกจากราคาเหล็กที่ปรับขึ้น ประกอบกับโครงการช้อปดีมีคืน และราคาสินค้าเกษตรที่ค่อนข้างดีเป็นบวกต่อกำลังซื้อในปี 2564 จึงแนะนำ “ซื้อ” ทั้งกลุ่ม โดยชอบ DOHOME ให้ราคาเป้าหมาย 17 บาท/หุ้น
ขณะที่นางสาวมยุรีย์ สีทา ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับดูแลกิจการ เลขานุการ และนักลงทุนสัมพันธ์ DOHOME เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 จะขยายตัวได้ดี 3-5% จากการกลับมาเปิดสาขาขายได้ตามปกติ หลังปิดสาขาไปเมื่อการแพร่บาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกแรก และยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sales Growth : SSSG) ยังเป็นบวกต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 3/2563 และทำกำไรได้ดี พร้อมมองว่าธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ บริษัทได้รับผลกระทบเพียง 3 สาขา จากทั้งหมด 12 สาขา ได้แก่ สาขาพระราม 2 สาขาเพชรเกษม และสาขามาบตาพุด โดยยังดีกว่าเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่ปิดไปถึง 8 สาขาจากทั้งหมด 10 สาขา ซึ่งยอดขายของ 3 สาขาดังกล่าวไม่ได้มากเกินไปคิดเป็นสัดส่วน 5-6% ของยอดขายรวม
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 มองว่ายอดขายจะกลับมาได้ดี หรือเป็นบวกได้ โดยทิศทางในไตรมาส 1/2564 เบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 1-6 ม.ค. 2564 ในส่วนของ SSSG ยังเติบโตในช่วง 5-10% ได้ ยังไม่สะท้อนผลลบกระแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ พร้อมทั้งจะมีการเปิดสาขาใหม่ แหลมฉบัง 1 สาขา ปลายเดือน ม.ค. 2564 เป็นสาขาเลื่อนเปิด (ไม่มีงบลงทุน) มาตั้งแต่ปี 2563
ขณะเดียวกันในไตรมาส 2-3-4/2564 บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ประจำปี 2564 ไตรมาสละ 1 สาขา งบลงทุนรวม 1,350 ล้านบาท หรือประมาณ 450 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งจะเป็นการเช่าที่ดินแทนการซื้อ จะช่วยหนุนให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ปรับตัวดีขึ้น แบ่งเป็น ไตรมาส 2/2564 สาขาที่บ่อวิน จังหวัดชลบุรี ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง ไตรมาส 3/2564 สาขาที่อมตะนคร จังหวัดชลบุรี และไตรมาส 4/2564 สาขาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี