PRIME บวก 4% รับแผนธุรกิจเด่น-ลุยประมูลงานต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุพันลบ.
PRIME บวก 4% รับแผนธุรกิจเด่น-ลุยประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุพันลบ. ล่าสุดอยู่ที่ 0.50 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 4.17% มูลค่าซื้อขาย 11.11 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME ล่าสุด ณ เวลา 15.50 น. อยู่ที่ 0.50 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 4.17% สูงสุดที่ 0.50 บาท ต่ำสุดที่ 0.49 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 11.11 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRIME เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 64 เติบโตไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ในธุรกิจเดิม หรือธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศ มีกำลังการผลิต 132.3 เมกะวัตต์ (MW) , ญี่ปุ่น กำลังการผลิต 68.2 เมกะวัตต์, ไต้หวัน กำลังการผลิต 8.5 เมกะวัตต์ และกัมพูชา กำลังการผลิต 78 เมกะวัตต์
สำหรับกัมพูชา นับเป็นประเทศล่าสุดที่บริษัทได้ขยายธุรกิจเข้าไป ภายหลังจากชนะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 78 เมกะวัตต์ ที่ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เป็นผู้ดำเนินโครงการจัดประมูลให้รัฐบาลกัมพูชา ซึ่งในเฟสแรกมีสัญญาการจำหน่ายไฟฟ้าอยู่ที่ 60 เมกะวัตต์ บริษัทคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 65 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่ และจัดหาเงินกู้กับทาง ADB ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน
ทั้งนี้ บริษัทก็อยู่ระหว่างยื่นประมูลโครงการ National Solar Park Phase 2 ของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย ADB มีกำลังผลิตติดตั้ง 55 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิตตามสัญญา 40 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 64 รวมถึงยังผ่านการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายให้สามารถยื่นประมูลโครงการ Sherabed Solar PV PPP Project ในประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan) ขนาดกำลังผลิตตามสัญญา 200 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีหน้าเช่นกัน ซึ่งบริษัทก็วางงบลงทุนราว 1,000-5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการประมูลดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจใหม่ 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบโซลาร์บนหลังคา (Solar Rooftop EPC) ที่ปัจจุบันมีลูกค้าในมือกว่า 15 เมกะวัตต์ คาดจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในต้นปีหน้า และยังมีลูกค้ารายอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากนี้ด้วย, ธุรกิจขายไฟฟ้าให้เอกชน ด้วยระบบโซลาร์บนหลังคา (Solar Rooftop Private-PPA) ซึ่งบริษัทก็มีความตั้งใจที่จะทำควบคู่กันไปกับงาน EPC ดังกล่าว โดยได้มีการทำสัญญาฉบับแรกกับ บริษัท ไผ่สิงห์ทอง จำกัด เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจฟาร์มสุกรชั้นนำของประเทศ ตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 998 กิโลวัตต์ และธุรกิจขายวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรม พลังงาน (Power-related Material and Equipment Trading) มีการทำสัญญาขายในไตรมาส 3/63 และรับรู้รายได้เป็นครั้งแรก โดยปี 64 ตั้งเป้ารายได้ที่ 500 ล้านบาท