NER นำทีม “หุ้นยาง” วิ่งสวนตลาด! ขานรับอุปสงค์เพิ่ม หนุนผลงานปี 64 โตแกร่ง

NER นำทีม “หุ้นยาง” วิ่งสวนตลาด! ขานรับอุปสงค์เพิ่ม หนุนผลงานปี 64 โตแกร่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER อยู่ที่ระดับ 5.05 บาท บวก 0.13 บาท หรือ 2.64% สูงสุดที่ระดับ 5.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.96 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 343.58 ล้านบาท

ด้าน บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA อยู่ที่ระดับ 30 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.84% สูงสุดที่ระดับ 30.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 175.96 ล้านบาท

ขณะที่ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB อยู่ที่ระดับ 2.26 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 6.60% สูงสุดที่ระดับ 2.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.12 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42.95 ล้านบาท

 

ด้าน บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น NER ราคาเป้าหมาย 5 บาท ไตรมาส 4/63 คาดว่าผลประกอบจะยังทำสถิติสูงสุดได้ใหม่จากผลดีของปริมาณขายที่ยังสูงกว่า 100,000 ตัน และราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับราคายางพาราในช่วงกลางปีเป็นต้นมา ทำให้คาดกำไรสุทธิมีสิทธิจะออกมาสูงกว่า 250 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มในปี 64 ด้วยปริมาณขายที่คาดว่าจะถึงระดับ 400,000 ตัน จากการใช้กำลังการผลิตจากโรงงานใหม่เต็มปี และผลดีจากราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะหนุนให้ผลประกอบการเติบโตได้ดี

ด้านบล.เคทีบีเอสที แนะนำหุ้น NER เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.80 บาท มองตลาดยานยนต์ทั่วโลกฟื้นตัว ดันอุปสงค์การใช้ยางให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้านผู้บริหารประเมินผลกระทบกรณีสหรัฐฯ ขึ้นภาษีรถยนต์จีนกระทบต่อ NER ไม่มาก โดยยังมองรายได้ปี 64 โตประมาณ 20-30% จากปีก่อน

พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิในปี 2563-2564 ที่ 766 ล้านบาท และ 1,037 ล้านบาท เติบโต +42% จากปีก่อน, +23% จากปีก่อน ตามลำดับ

สำหรับ บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น STA ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 43.30 บาทต่อหุ้น ความน่าสนใจในการลงทุนในหุ้น STA 1. รายได้เติบโตสม่ำเสมอ (CAGR) 23.61% จากปี 2563-2565 หนุนโดยการฟื้นตัวของกลุ่มยางธรรมชาติ การฟื้นตัวของกลุ่มยางแท่งและยางแผ่นรมควันที่เริ่มกลับสู่สภาวะปกติหลังจากกลุ่มผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ที่กลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติหลังจากผ่านช่วงที่ต่ำสุดในไตรมาส 2/63 และการเติบโตก้าวกระโดดของกลุ่มถุงมือยาง จากการที่ STGT ได้เพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องจาก 3.3 หมื่นล้านชิ้นในปี 2563 สู่ระดับ 5.0 หมื่นล้านชิ้นปี 2565 และราคาขาย (ASP) ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตาม Demand ที่เพิ่มขึ้น

2.เพิ่มช่องทางในการรับซื้อยางจากเกษตรกรการผ่าน Stritrang Friends ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการลดจำนวนศูนย์รับซื้อยางจาก 80 แห่ง เป็น 35 แห่ง

3.สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง D/E Ratio ต่ำ เพียง 0.42 เท่า

Back to top button