TASCO ดีดบวก 3% โบรกฯมองกำไรไตรมาส 4/63 แตะ 1.2 พันลบ.ดันทั้งปีโตเฉียด 4 พันลบ.
TASCO ดีดบวก 3% โบรกฯมองกำไรไตรมาส 4/63 แตะ 1.2 พันลบ.ดันทั้งปีโตเฉียด 4 พันลบ.
บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ณ เวลา 10.23 น. อยู่ที่ระดับ 21.10 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 3.43% สูงสุดที่ระดับ 21.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 843.49 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า TASCO แจ้งจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดวันที่ 1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2563 ที่ 0.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนของเงินปันผล (Dividend Yield) 1.4% รวมถึงประกาศเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TSS จากเดิม TASCO ถือ 25% เป็น 62.50% โดยสัดส่วนที่เพิ่ม 37.50% คิดเป็นมูลค่าที่ TASCO ต้องชำระ 373 ล้านบาท ราวเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยเป็นการซื้อต่อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และคณะกรรมการของ TASCO
ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นกลางต่อดีลดังกล่าว แต่ระมัดระวังแรงขายทำกำไรหลังราคาปรับขึ้นแรง โดยการเพิ่มสัดส่วนในบริษัทนี้ที่เป็นผู้รับเหมาด้านผิวจราจรและก่อสร้างถนนในไทย ที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องอยู่แล้ว และเป็นไปตามแผนที่ต้องการกระจายรายได้ แต่ในเชิงผลต่อผลประกอบการโดยรวมต่อ TASCO ยังไม่มีนัยยะ (ปี 2560 ที่กำไรสูง 121 ล้านบาท คิดเป็นส่วนเพิ่มต่อ TASCO กำไร 1-2% ขณะที่ปี 2561-2562 ขาดทุน 7-26 ล้านบาท และรอบริษัทให้ข้อมูลงานในมือหรือ Backlog ปัจจุบัน)
ส่วนระยะสั้น ประเมินกำไรในไตรมาส 4/2563 จะอ่อนตัวจากไตรมาส 3/2563 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ จากช่วงฤดูกาลที่สเปรดมักลดลงสำหรับยอดขายต่างประเทศ (ราคายางมะตอยเฉลี่ยไตรมาส 4/2563 ที่ 298 เหรียญต่อตัน ขณะที่ในไตรมาส 3/2563 ที่ 317 เหรียญต่อตัน ส่วนราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัว)
รวมถึงธุรกิจไทย (37-45% ของกำไร) ราคาขายลงเช่นกันราว 8% จากไตรมาส 3/2563 โดยเบื้องต้นมองกำไรในไตรมาส 4/2563 ไว้ 1,200 ล้านบาท (กำไรหลัก 1,000 ล้านบาท และ เงินประกันราว 200 ล้านบาท ซึ่งได้แน่นอนแล้ว 179 ล้านในเดือนตุลาคม) ลดลง 35% จากไตรมาส 3/2563 ประมาณ 1,862 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 640 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากกำไรในไตรมาส 4/2563 เป็นไปตามคาด 1,200 ล้านบาท เมื่อรวมกับกำไร 9 เดือนของปี 2563 ที่ประมาณ 2,797 ล้านบาท ก็จะส่งผลให้ทั้งปี 2563 TASCO จะมีกำไรประมาณ 3,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 27% จากปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 3,123 ล้านบาท