BLS เผยนักลงทุนหันเก็งกำไร DW ดันสัดส่วนเทรดงวดส.ค.โต 3.4%

BLS เผยนลท.หันเก็งกำไร DW ช่วงตลาดผันผวน-ดันสัดส่วนเทรดงวดส.ค.โต 3.4%


นายบรรณรงค์  พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยภาพรวมการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาว่า ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนักตลอดเดือน ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายเก็งกำไร DW จำนวนมาก

โดยสัดส่วนการซื้อขาย DW ต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.4% สูงสุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอนุญาตให้มีการออก DW ครั้งแรกในเดือนก.ค. 2552 โดยมีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในกลุ่มดัชนีหลักทรัพย์คิดเป็น 43.4% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 14.5% และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 9.2% รวมทั้งมีการซื้อขาย DW ประเภท Put ในสัดส่วน 58.5% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งหมด ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับหุ้นอ้างอิงที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกเป็น DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ซื้อขายสูงถึง 43.2% ของการซื้อขาย DW ทั้งหมด โดยเฉพาะ Put DW รองลงมา DW ที่อ้างอิงหุ้น PTT สัดส่วน 8.7% ซึ่ง Put DW ได้รับความสนใจมากหลังราคาน้ำมันทำนิวโลว์ และอันดับสาม DW ที่อ้างอิงหุ้น ITD สัดส่วน 5.0% โดยเฉพาะ Call DW แม้ไตรมาสสองงบออกมาขาดทุนก็ตาม แต่นักลงทุนมั่นใจรัฐเดินหน้าโครงการลงทุนจะหนุนให้ครึ่งปีหลังบริษัทจะพลิกมีกำไรได้

สำหรับปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นมาจากปัจจัยทั้งภายในและต่างประเทศ  ได้แก่ เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาธร ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ การประกาศตัวเลขภาคการผลิต (PMI) ของจีนต่ำสุดในรอบ 6 ปี จึงกังวลเศรษฐกิจจะชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์ไม่สงบระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้และราคาน้ำมันดิบทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 6 ปีครึ่ง สะท้อนความกลัวของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาสูงขึ้น จึงเทขายหุ้นทั่วโลก

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยทำนิวโลว์หลุดระดับ 1,300 จุด จึงมีแรงซื้อเก็งกำไร Put DW หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งถูกกระทบจากราคาน้ำมัน ส่วนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด รวมถึงดัชนี SET50 เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต

อย่างไรก็ตามช่วงปลายเดือนส.ค.หุ้นไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจีดีพีของสหรัฐอเมริกาออกมาดี และคลายกังวลจีนหลังรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนตลาดต่อเนื่อง รวมถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนรัฐและออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ นักลงทุนจึงเข้ามาเก็งกำไร Call DW ในหุ้นกลุ่มเกี่ยวข้องการบริโภคภายในประเทศ เช่น สื่อสาร รับเหมาก่อสร้าง ค้าปลีก เป็นต้น

ปัจจุบัน DW ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนส.ค.2558 มีจำนวน 942 รุ่น แบ่งเป็น Call 688 รุ่นและ Put 254 รุ่น มีหุ้นอ้างอิงที่เสนอขายรวม 99 ตัว โดยหลักทรัพย์บัวหลวงมีจำนวน DW สูงสุด คิดเป็น 23.25% ของจำนวนทั้งหมดในตลาด และมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกสูงสุดคิดเป็น 70.59% รวมทั้งมีส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายการซื้อขายสะสมในในเดือนส.ค.เป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 49.9%

หลักทรัพย์บัวหลวงยังเตรียมออก DW ชุดใหม่จำนวน 20 ตัวทั้งประเภท Call และ Put อ้างอิง 10 หลักทรัพย์ได้แก่ ADVANC, AOT, INTUCH, IRPC, JAS, KTB, PTTEP, SCB, TRUE และดัชนี SET50 โดย DW มีอายุ 6 เดือน เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 10 ก.ย.นี้ และซื้อขายวันสุดท้าย 5 เม.ย. 2559 สำหรับ DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ตัวใหม่จะมีจุดเด่นตรงที่มีอัตราทดสูงถึง 6-8 เท่า ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนชอบเก็งกำไรระยะสั้น

Back to top button