สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้
สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจประจำวันที่ 7 ก.ย.58
– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.32 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 119.31/34 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1167 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1150/1152 ดอลลาร์/ยูโร
– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,371.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด sหรือ 0.05%
– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,956.81 ล้านบาท (SET+MAI)
– นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษก ธปท.เผยวันนี้เงินบาทอ่อนค่าไปแตะระดับ 36.00 บาท/ดอลลาร์ เป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 6 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่ มี.ค.52 โดยการอ่อนค่าของเงินบาทในขณะนี้ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางของค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคที่อ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน เนื่องจากตลาดมองว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.นี้มีมากขึ้น หลังจากสหรัฐประกาศอัตราการว่างงานลดลงแตะระดับ 5.1% และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยปรับเพิ่มสูงกว่าคาด
– นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เผยได้เชิญคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาประชุมนัดพิเศษ เพื่อเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อก้อนแรกได้ 20,500 กองทุน กองทุนละ 1 ล้านบาท ภายในเดือน ต.ค.นี้ นอกจากนี้ยังเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั้งมาตรการด้านการเงินและมาตรการด้านภาษีเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้
– นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ IMF กล่าวเตือนธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังการประชุม G20 ว่า ควรจะต้องมั่นใจว่าตลาดแรงงานและเงินเฟ้อแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การที่เฟดไม่ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาเป็นเวลานาน หากจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะต้องเป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่ลองดูแล้วหลังจากนั้นต้องหวนกลับมาที่จุดเริ่มต้น โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 16-17 ก.ย.นี้
– นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) กล่าวต่อที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G20 ที่ประเทศตุรกี ว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นจีนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาใกล้สิ้นสุดลงแล้ว และคาดว่าตลาดการเงินจะกลับมานิ่งและมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายต่างๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนสภาพคล่องโดยธนาคารกลางจีน เพื่อสกัดการร่วงลงของตลาด และเพื่อป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ
– มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุธนาคารพาณิชย์ของจีนจะเผชิญกับแรงกดดันจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลง และจากการที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของแบงก์พาณิชย์จีนหดแคบลงมากขึ้น อันเป็นผลมาจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของรัฐบาล และการลดค่าเงินหยวน
– รัฐบาลญี่ปุ่น เผยดัชนีภาวะเศรษฐกิจในเดือน ก.ค.58 ปรับตัวลดลง เช่น ผลผลิตอุตสาหกรรม การค้าปลีก และการจ้างงานใหม่ ปรับตัวลง 0.1 จุด จากเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ 112.2 เปรียบเทียบกับฐานปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 100 ส่วนดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ซึ่งคาดการณ์สถานการณ์ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลง 1.6 จุด อยู่ที่ 104.9 ขณะที่ดัชนีตามเศรษฐกิจซึ่งเป็นมาตรวัดการปรับตัวลงทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 0.1 จุด แตะ 115.7
– กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี เผยผลผลิตภาคอุคสาหกรรมในเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากอานิสงส์การผลิตรถยนต์และการก่อสร้างที่ปรับตัวสดใส แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% และเมื่อเทียบรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 0.4%
– ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีทรงตัวในวันนี้ เนื่องจากแรงขายทำกำไรในช่วงเช้าได้สกัดคำสั่งซื้อพันธบัตรที่เป็นผลมาจากความต้องการพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนช่วงสุดสัปดาห์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 340 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดภาคเช้าที่ 0.365% ทรงตัวจากระดับปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน ก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.01 จุด แตะระดับ 148.17 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
– สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวลดลง 40 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 10,380 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาเทียบเท่ากับ 1,124.28 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 4.33 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์