เช็คที่นี่! 24 หุ้นได้/เสียประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์(8 ก.ย.)ว่า ค่าเงินบาทไทยอ่อนต่อเนื่องอีก 0.39% ล่าสุดขึ้นมาเกิน 36 บาทต่อดอลลาร์สู่ 36.11 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากกระแสเงินไหล นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ สอดคล้องกับสกุลอื่นๆในภูมิภาคก็ล้วนเจอกระแสไหลออกของ Fund Flow

ในทางสถิติค่าเงินบาทมีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามกับ SET Index ด้วยค่า Correlation ติดลบถึง 0.94 เมื่อทำการคำนวนด้วยสมการถดถอย หากค่าเงินบาทขึ้นไปทดสอบที่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 36.3 บาทต่อดอลลาร์ SET Index จะอยู่ที่ระดับประมาณ 1,340 จุด

ทั้งนี้การอ่อนค่าของเงินบาทจะสามารถแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์กับเสียประโยชน์ได้ดังนี้:

กลุ่มที่ได้ประโยชน์ กลุ่มส่งออก เช่น ส่งออกชิ้นส่วนฯ (SVI DELTA HANA CCET) ส่งออกอาหารและเครื่องดื่ม (TUF CPF SAPPE)  กลุ่มรับเหมาฯที่เน้นรับงานต่างประเทศ (TTCL BJCHI SRICHA) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่มีรายได้เป็นสกุลต่างประเทศ (SCC) กลุ่มเดินเรือ (RCL TTA PSL) 

กลุ่มที่เสียประโยชน์ กลุ่มสายการบิน (THAI AAV NOK BA) กลุ่มเหล็ก (ยกเว้น MCS) กลุ่มวางระบบสื่อสาร (SAMTEL SIM AIT) กลุ่มรับเหมาฯที่มีเงินลงทุนในต่างประเทศ (ITD) กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง (TPIPL)

ด้านนักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.20 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าต่อจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 36.10 บาท/ดอลลาร์ พร้อมคาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 36.10-36.35 บาท/ดอลลาร์