SCC ฟอร์มเจ๋งกำไรปี 63 ดีเกินคาด 3.4 หมื่นลบ. ลุ้นวิ่งหาเป้า 420 บาท  

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)  หรือ SCC รายงานผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ดังนี้

สำหรับ SCC แจ้งผลการดำเนินงานปี 63 มีรายได้จากการขาย 399,939 ล้านบาท ลดลง 9% จากปีก่อน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลงตามราคาน้ำมันและปริมาณขายลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานของบริษัทมาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด (MOC) และมีกำไรสำหรับปี 34,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกธุรกิจ

โดยปี 2563 มีรายได้จากการขายเท่ากับ 399,939 ล้านบาท ลดลง 9% จากปีก่อน จากราคาและปริมาณขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง อย่างไรก็ดี EBITDA เท่ากับ 74,600 ล้านบาท ลดลงเพียง 1% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่องและต้นทุนการผลิตที่ลดลงในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

นอกจากนี้บริษัทประกาศปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด  8.50บาทต่อหน่วย วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 8 เม.ย. 2564 วันที่จ่ายปัน 23 เม.ย. 2564

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดากำไรสุทธิปี 2563 ของ SCC จะอยู่ที่ 33,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 32,014 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายปี 2563 จะอยู่ที่ 4.12 แสนล้านบาท ลดลง 6% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.37 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันได้ปรับประมาณการกำไรก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ปี 2563 เพิ่มขึ้น 12% ขณะที่ปี 2564 เพิ่มขึ้น 11% และปี 2565 เพิ่มขึ้น 12% สะท้อนอัตรากำไรที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์จากสเปรดปิโตรเคมีที่สูงกว่าคาดจากความต้องการใช้พลาสติกสูงขึ้นจากการเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภค และวัคซีนฯ มาเร็ว

อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติปี 2564 อยู่ที่ 44,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจซีเมนต์ดีมานด์ฟื้นตัวจากโควิด-19, ธุรกิจเคมีภัณฑ์เติบโตจากไม่มีปิดซ่อม MOC (45 วัน) เหมือนปี 2563 มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ขยายเพิ่ม 5% และสเปรดปิโตรเคมีฟื้นต่อเนื่อง ตามดีมานด์ทั่วโลกฟื้นตัว ดังนั้นมองเป็นโอกาส “ซื้อเก็งกำไร” และปรับราคาเป้าหมายปี 2564 ขึ้นเป็น 420 บาทต่อหุ้น สะท้อนธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่อัตรากำไรดีกว่าคาด

ด้านราคาหุ้น SCC ปิดวันนี้(27 ม.ค.64) อยู่ที่ระดับ 392.00 บาท ลบ 3.00 บาท หรือ 0.76%  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.59 พันล้านบาท