TTCL มั่นใจกำไรปีนี้มากกว่าปีก่อน ส่งบ.ลูกเข้าตลาดหุ้นไทยหรือสิงคโปร์ปี 59
TTCL มั่นใจกำไรปีนี้มากกว่าปีก่อน ส่งบ.ลูกเข้าตลาดหุ้นไทยหรือสิงคโปร์ปี 59
นายกอบชัย ธนสุกาญจน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการเงินการบัญชี บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่า 460.45 ล้านบาทในปีก่อน ตามเป้าหมายรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 10% จากปีก่อนมาอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซ 500 ล้านบาท
ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะรับรู้รายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างราว 10,000 ล้านบาท จากมูลค่างานในมือ(Backlog) ปัจจุบันที่มีอยู่ 40,280 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการพลังงาน มูลค่า 6,550 ล้านบาท ,อุตสาหกรรมปิโตรเคมี มูลค่า 20,400 ล้านบาท ,เคมีภัณฑ์ มูลค่า 7,310 ล้านบาท และอื่นๆอีก 6,020 ล้านบาท ส่วนมูลค่างานในมือที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2 ปีครึ่ง
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อีก 13 โครงการ มูลค่า 64,260 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการพลังงาน มูลค่า 15,300 ล้านบาท โครงการอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มูลค่า 43,860 ล้านบาท และอื่นๆอีก 5,100 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะรู้ผลการประมูล 3 โครงการ มั่นใจว่าจะได้งานไม่ต่ำว่า 6,000 ล้านบาท
นายกอบชัย กล่าวว่า สำหรับเงินลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในเมียนมาร์จะอยู่ที่ราว 400-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมาจากการนำบริษัท Thai Power Holding Pte.Ltd (TTPHD) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาถึงความเหมาะสม และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วงต้นปี 59 และจะสามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงปลายปี 59 ทันที โดยคาดว่าจะระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ราว 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับความคืบหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินในเมียนมาร์ขนาดกำลังผลิต 1,280 เมกะวัตต์ ในช่วงเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงนามสัญญากับรัฐบาลเมียนมาร์แล้ว โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนรวม 700-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็นเงินลงทุนของบริษัทราว 400-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสัดส่วนการถือหุ้นที่ 60% ส่วนที่เหลือจะเป็นผู้ถือหุ้นจากประเทศญี่ปุ่น และรัฐบาลเมียนมาร์ 5% ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโครงการได้ในช่วงกลางปี 59 โดยจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างราว 4-5 ปี
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่าขอใบอนุญาตขายไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น เพื่อก่อตั้งโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะรู้ผลในปีนี้ และจะสามารถเริ่มก่อสร้างภายในปี 59 จะใช้งบลงทุนราว 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ/เมกะวัตต์ และใช้ระยะเวลาการก่อสร้างราว 1 ปี สำหรับโครงการนี้บริษัทจะร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศไทย ซึ่งบริษัทจะถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50%