PTTGC บวก 2% นิวไฮรอบกว่า 1 ปี รับกำไร Q4/63 ฟื้นตัวตามคาด จับตา Q1/64 โตต่อ
PTTGC บวก 2% นิวไฮรอบกว่า 1 ปี รับกำไร Q4/63 ฟื้นตัวตามคาด จับตา Q1/64 โตต่อ ล่าสุดอยู่ที่ 65.50 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 2.34% มูลค่าซื้อขาย 610.08 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ล่าสุด ณ เวลา 10.30 น. อยู่ที่ 65.50 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 2.34% สูงสุดที่ 65.75 บาท ต่ำสุดที่ 64.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 610.08 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้น PTTGC ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 66.75 บาท เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2562 คาดว่าเป็นผลจากวานนี้ (15 ก.พ.) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/63 มีกำไรฟื้นตัวขึ้นอย่างโดดเด่น เมื่อเมื่อเทียบจากไตรมาส 3/63 ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/64 มีแนวโน้มว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTGC ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 69 บาท ด้วยกำไรไตรมาสหน้ายังดีต่อเนื่องตามราคาน้ำมันและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่แข็งแกร่ง ทำให้ยังมองว่าเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาหุ้นต่อเนื่อง
โดย แนวโน้มดีต่อเนื่องคาดว่ากำไรในไตรมาส 1/64 ของ PTTGC ยังดีต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากฐานต่ำในปีก่อน (จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรงในไตรมาส 1/63) ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นจะหนุนให้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันต่อเนื่อง รวมถึงอุปสงค์ปิโตรเคมีแข็งแกร่ง ทำให้ราคาผลิตภัณฑ์หลักยังคงปรับขึ้น ซึ่ง PTTGC ได้ลดการใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบลงในไตรมาส 4/63 เหลือ 18% จาก 21% และหันมาใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น ทำให้น่าจะรักษามาร์จิ้นไว้ได้ดี นอกจากนั้น ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นตามการเริ่มผลิตโครงการ Propylene Oxide (PO) และ Polyols ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่มีมูลค่าสูง
สำหรับ PTTGC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 6.4 พันล้านบาท เติบโตสูงมากทั้งเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนและเมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับตลาดคาด โดยหากไม่รวมรายการพิเศษรวม 2.3 พันล้านบาท หลักๆ คือ กำไรจากสต๊อก 1.0 พันล้านบาท, กำไร FX & กำไรจาก Commodity Hedging +919 ล้านบาท PTTGC จะมีกำไรปกติ (ไม่รวมผลกระทบจากภาษี) 4.7 พันล้านบาท (ไตรมาส 3/63 : กำไร 906 ล้านบาท, ไตรมาส 4/62 : ขาดทุน -1.4 พันล้านบาท) โดยเกิดจากธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลักทั้งสาย โอเลฟินส์ อะโรเมติกส์ และ Performance Materials ตามอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง หนุนให้ราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจาก JVs สูงขึ้น รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้ OPEX ลดลง