หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกศก.โลก-เฟดขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) หลังจากที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาสามวัน โดยการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากเอเชียได้จุดปะทุความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกให้กลับคืนมาอีกระลอก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดยอาจเกิดขึ้นในเดือนนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 4.43 จุด หรือ 1.22% ปิด (10 ก.ย.) ที่ 359.34 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปรับตัวลง 68.06 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 4,596.53 จุด, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันลดลง 92.68 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 10,210.44 จุด และดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 73.20 จุด หรือ 1.18% ที่ 6,155.81 จุด
การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปตามตลาดหุ้นเอเชีย หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรภาคเอกชนปรับตัวลดลงเกินคาด 3.6% ในเดือนก.ค. ขณะที่การปรับลดราคาของบรรดาผู้ผลิตส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระดับค้าส่ง ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหกปีในเดือนส.ค. ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง 2.5% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนลดลง 1.4% ในวันพฤหัสบดี
ขณะเดียวกันนักลงทุนหันมาจับตาช่วงเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ก่อนที่เฟดจะประชุมในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
วานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 275,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 27 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และยิ่งเป็นการสนับสนุนความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคฉุดดัชนีหุ้นเยอรมันลง โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ E.ON SE ร่วงหนักที่สุด 7.61% หลังจากที่บริษัทยกเลิกแผนการแยกธุรกิจโรงงานนิวเคลียร์ในประเทศ พร้อมกับคาดการณ์ว่าบริษัทจะขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้
ดัชนีหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวลง หลังจากที่มีการเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสที่ปรับตัวลดลงผิดคาดในเดือนก.ค. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศเริ่มต้นไตรมาสสามอย่างไม่ราบรื่นนัก ด้านดัชนีหุ้นอังกฤษปรับตัวลดลง หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยังคงส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยรายงานการประชุมระบุว่า กรรมการ BoE เห็นพ้องกันว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงินทั่วโลกยังไม่ได้ทำให้มุมมองของเศรษฐกิจอังกฤษเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) มีมติ 8-1 ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% วานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นเดือนที่ 79 ติดต่อกัน นอกจากนี้ MPC ยังมีมติคงวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์ (5.76 แสนล้านดอลลาร์)
หุ้นกลุ่มเหมืองเป็นแกนนำหุ้นลบในตลาดหุ้นลอนดอน โดยเกลนคอร์ร่วงหนักสุด 5.3% หลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) คงมุมมองเชิงลบต่อเกลนคอร์ แม้บริษัทเหมืองรายใหญ่ได้ดำเนินมาตรการเพื่อปรับลดหนี้สินลงแล้วก็ตาม ขณะที่หุ้นค้าปลีกก็ลดลงเช่นกัน นำโดยดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ลดลง 2.84% หลังจากที่ผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่เผยกำไรลดลงในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมเผยว่าจะปิดสาขาหลายแห่ง