TMI พุ่งซิลลิ่ง-นิวไฮรอบ 3 ปี! รับผลงานปี 63 เทิร์นอะราวด์-ปักธงปี 64 รายได้โต 20%
TMI พุ่งซิลลิ่ง-นิวไฮรอบ 3 ปี! รับผลงานปี 63 เทิร์นอะราวด์-ปักธงปี 64 รายได้โต 20%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ ณ เวลา 15.27 น.อยู่ที่ระดับ 1.06 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 29.27% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37.76 ล้านบาท ราคาหุ้นวิ่งชนซิลลิ่งของวันที่ระดับ 1.06 บาท และทำนิวไฮในรอบ 3 ปี 3 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 1.06 บาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย.60
ด้านนายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 14.09 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีขาดทุนสุทธิ 8.58 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 447.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.25% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 392 ล้านบาท
โดยบริษัทมีรายได้หลักจากการขายและบริการอยู่ที่ 412.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.64% จากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 347.49 ล้านบาท เนื่องจากมีการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้น จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ 4 รายการ ได้แก่ หลอดไฟฆ่าเชื้อโรค, โคมไฟฆ่าเชื้อโรค, โคมไฟโซลาร์สปอร์ตไลท์ และโคมไฟโซลาร์ติดถนน ได้ผลตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี จึงส่งผลให้รายได้จากการขายรวมปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2562
ขณะที่ ต้นทุนขายในปี 2563 อยู่ที่ 293.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.50% จากปี 2562 ที่มีต้นทุนขายเท่ากับ 261.26 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของรายได้ ส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายในปี 2563 เท่ากับ 64.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.62% จากปี 2562 ที่มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายเท่ากับ 59.80 ล้านบาท ซึ่งเป็นต้นทุนในการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการจัดรายการส่งเสริมการขายมากขึ้น
ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารในปี 2563 อยู่ที่ 70.26 ล้านบาท หรือลดลง 5.52% จากปี 2562 ที่มีค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 74.36 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง เนื่องจากค่าที่ปรึกษาทางการเงินและหนี้สงสัยจะสูญลดลง และมีต้นทุนทางการเงินในปี 2563 อยู่ที่ 8.76 ล้านบาท ลดลง 9.54% จากปี 2562 ที่มีต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 9.69 ล้านบาท เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายตั๋วสัญญาใช้เงินลดลง
สำหรับในปี 2564 คาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนโครงสร้างรายได้ ซึ่งคาดจะมีการปรับสัดส่วนรายได้จากการขายและบริการลดลง เนื่องจากการเพิ่มการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าอยู่ที่ 35.59 ล้านบาท ลดลง 20.02% จากปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 44.50 ล้านบาท
นายธีระชัย กล่าวว่า ในปี 2564 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดจะมีรายได้เติบโตประมาณ 20% และมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ส่องสว่าง จากการเพิ่มกำลังการผลิตและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ประกอบกับประเมินว่าจะมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งสินค้าไปยังต่างประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ขนาดกำลังการผลิต 0.99 เมกะวัตต์ (MW) ที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร แล้วเสร็จ บริษัทก็จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้เร็ว ๆ นี้ จะสนับสนุนให้บริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 2.40 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีโรงไฟฟ้าชีวภาพแล้ว 1 โครงการ โดยมีกำลังการผลิต 1.40 เมกะวัตต์ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ส่งผลให้รายได้จากโรงไฟฟ้าจะช่วยส่งเสริมและสร้างการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นและมีความมั่นคงให้แก่บริษัทในอนาคต