TRUBB พุ่งกระฉูด 24% รับราคายางทะยานเหนือ 60 บาท/กก. เพิ่มมาร์จิ้นสูงกว่าปีก่อน

TRUBB พุ่งกระฉูด 24% รับราคายางทะยานเหนือ 60 บาท/กก. เพิ่มมาร์จิ้นสูงกว่าปีก่อน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB ณ เวลา 16.09 น. อยู่ที่ระดับ 2.66 บาท บวก 0.52 บาท หรือ 24.30% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 642.60 ล้านบาท คาดเข้าเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 จะออกมาดีจากการรับอานิสงส์จากเนื่องจากกลุ่มธุรกิจน้ำยางข้นและน้ำยางแปรรูปที่ยังเติบโตต่อเนื่อง และยังสร้างอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่ดีกว่าปีก่อน

อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้มีความต้องการถุงมือยางค่อนข้างมาก จึงส่งผลดีต่อตลาดน้ำยางข้นเติบโตมากกว่าปกติ บริษัทจึงสามารถเรียกมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้เชื่อว่า TRUBB จะได้รับอานิสงส์จากบ.ย่อย บริษัท ไทยรับเบอร์โกลฟส์ จำกัด ผลิตถุงมือยาง ทั้งประเภทที่ใช้ในทางการแพทย์และเอนกประสงค์ เข้ามาช่วยหนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นได้

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคายางดีต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 9% เทียบสัปดาห์ก่อน (โต 50% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น และอุปสงค์จากจีนดีขึ้น รวมถึงปัจจัยด้านอุปทานในภาคใต้ที่ประสบปัญหาจากน้ำท่วม และแรงงานขาดแคลนท่ามกลางการระบาด

ส่วนราคาน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น 4.61% เทียบสัปดาห์ก่อน จากราคาน้ำมันดิบดีขึ้น และการส่งออกสู่มาเลเซีย และราคากุ้งดีขึ้น โต 1.79% เทียบสัปดาห์ก่อน  หลังแย่ลงในช่วงต้นปีจากการระบาดของโควิดในตลาดกุ้ง อุปสงค์กุ้งปรับตัวดีขึ้นหลังจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง

ด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พอใจสถานการณ์ราคายางพาราที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าทั้งปีราคายางแผ่นดิบทรงตัวเฉลี่ยอยู่ที่ราคา 60 บาท/กก. เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งนโยบายรัฐบาลที่ให้แนวทางการใช้ยางพาราผลิตเป็นเสาหลักนำทางและแบริเออร์นั้น ทำให้มีความต้องการยางพาราและน้ำยางพาราเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อเม็ดเงินที่ถึงเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ราคายางพารามีแนวโน้มอยู่ในทิศทางบวกตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราทั้งจากต่างประเทศมีเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน การกระตุ้นเศรษฐกิจหลังช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 สนับสนุนให้มีการใช้รถยนต์ในหลายมณฑลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการนำเข้าล้อยางรถยนต์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยางพารามากยิ่งขึ้น

ประกอบกับความต้องการใช้ยางภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมถุงมือยางจากผู้ประกอบการเดิมและรายใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 1 เท่าตัว จาก 4,000 ล้านชิ้น เป็น 8,000 ล้านชิ้น และที่สำคัญคือ การดำเนินนโยบายของรัฐบาล ทั้งการนำยางพารามาใช้ในด้านความปลอดภัยทางถนน แบริเออร์คอนกรีตหุ้มยางพารา (Rubber Fender Barriers) และเสาหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post) ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางไว้ สามารถดึงยางออกจากระบบ ทำให้ราคายางพาราแผ่นดิบและน้ำยางพาราสามารถยืนอยู่เหนือ 60 บาท/กก.ได้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายการเกษตร BCG แบบยั่งยืน ด้วยการเกษตรผสมผสาน ลดความเสี่ยงด้านผลผลิต รวมทั้งโครงการแปลงใหญ่ เน้นให้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกร ให้ความรู้สนับสนุนเงินทุนเพิ่มศักยภาพการผลิตทั้งในรูปแบบต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีแทนการขายวัตถุดิบ ตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG ที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้กับเกษตรกรทุกชนิดอย่างยั่งยืน

Back to top button