TVD บวก 5% วางเป้าปี 64 รายได้โตแตะ 4 พันลบ. เน้นออนไลน์-ส่งบ.ย่อยเข้าตลาดหุ้น
TVD บวก 5% วางเป้าปี 64 รายได้โตแตะ 4 พันลบ. เน้นออนไลน์-ส่งบ.ย่อยเข้าตลาดหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ณ เวลา 10.46 น. อยู่ที่ระดับ 1.24 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 5.08% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 38.20 ล้านบาท
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะเติบโตเป็น 4,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 3,736 ล้านบาท และกำไรสุทธิเติบโตมาที่ 60 ล้านบาท จากปีก่อน 28.34 ล้านบาท จากการวางนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Harmonized Channel ใช้ศักยภาพช่องทางการขายต่างๆ ของบริษัทฯ ได้แก่ ทีวีโฮมช้อปปิ้ง คอลล์เซ็นเตอร์ ร้านค้าปลีก TVD Shop และอีคอมเมิร์ซ เพื่อผลักดันยอดขายจากช่องทางออนไลน์ให้เติบโตมากขึ้น
ทั้งนี้ TVD ได้วางเป้าหมายสัดส่วนยอดขายช่องทางออนไลน์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนยอดขายอยู่ราว 8% และคาดใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือราวปี 66 จะมีสัดส่วนยอดขายดังกล่าวเพิ่มเป็น 50%
“การวางกลยุทธ์ดังกล่าวสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต ที่หันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น สามารถขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงบริษัทฯ จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและระบบอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้ต้นทุนที่ถูกลงเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในวงกว้าง”นายทรงพล กล่าว
บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาระบบเว็บไซต์ (www.tvdirect.tv) และแอปพลิเคชัน TVD ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/64 ให้สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงผนึกความร่วมมือกับพันธมิตร คือ บริษัท โมโม่ดอทคอม จำกัด หรือ Momo.com (MOMO) ผู้นำธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากประเทศไต้หวัน นำเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ ในการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์และพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีนี้ จะรุกเพิ่มยอดขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม Social Commerce โดยการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok เป็นต้น
บริษัทยังตั้งเป้าเพิ่มสินค้าเป็น 40,000 รายการ (SKU) ในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 6,000-7,000 รายการ (SKU) เพื่อรองรับการขายสินค้าบนออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม โดยจะมุ่งเน้นไปในสินค้า 6 กลุ่ม เช่น แฟชั่น, บิวตี้, บ้าน, อุปกรณ์ไอที (Gadget), อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ และสปอร์ต เป็นต้น พร้อมกันนี้ก็ยังมีความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชงด้วย ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ที่จะออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
สำหรับช่องทางการขายอื่นๆ บริษัทฯ วางแผนรีโพซิชั่นนิ่งธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งครั้งใหญ่ จากปัจจุบันมีทีวีดาวเทียมทั้งหมด 28 ช่อง โดยวางตำแหน่งทางการตลาดของแต่ละช่องใหม่เป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มสินค้าราคาย่อมเยา 2.กลุ่มสินค้าจับตลาดกลาง-บน 3.กลุ่มสินค้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย 4.กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 5.กลุ่มสินค้าสำหรับตลาดแมสในราคาเข้าถึงได้ เสมือนยกธุรกิจค้าปลีกมาอยู่ในทีวีโฮมช้อปปิ้ง และ 6.กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม
ขณะเดียวกัน จะเพิ่มจำนวนคอลล์เซ็นเตอร์เป็น 500 ราย จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 300 ราย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าเดิมของ TVD ที่มีอยู่กว่า 10.1 ล้านราย และรุกขยายฐานลูกค้าใหม่เพื่อหวังผลในการสร้างยอดขายช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้มีแผนพัฒนาร้านค้าปลีก TVD Shop โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อสินค้าแก่ผู้บริโภคและต่อยอดสู่การตัดสินใจซื้อในช่องทางออนไลน์
นายทรงพล กล่าวว่า บริษัทวางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ราว 30 ล้านบาท โดย 20 ล้านบาท จะใช้ในการปรับปรุงระบบดาต้าเซ็นเตอร์ และใช้ในส่วนของ Call Center ส่วนอีก 10 ล้านบาทจะใช้ในบริษัทย่อย บริษัท เอบีพีโอ จำกัด (ABPO) ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการปรับโครงสร้างและควบรวมธุรกิจ B2B (Business to Business) ของ TVD วางยุทธศาสตร์ทรานส์ฟอร์มองค์กร สู่การเป็นบริษัท Tech Company จากปัจจุบันเป็นผู้ขายสินค้าและให้บริการหลากหลาย ทั้งนี้ เพื่อสร้างฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในยุคดิจิทัล
นายอาทิตย์ น้อยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ABPO กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 1,040 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท จากปัจจุบัน ABPO มีแผนเข้าลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเพิ่มเติม หลังจากลงทุนใน BLOCKFINT บริษัท FINTECH สตาร์ทอัพ และ Blockchain Technology ผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชันสำหรับการสร้าง Neo Banking (ธนาคารดิจิทัล) ซึ่งเป็นระบบธนาคารรูปแบบใหม่
ABPO อยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนใน บริษัท EAT LAB ผู้พัฒนาระบบ AI Core Tech เพื่อช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้สามารถพัฒนาโปรโมชั่นที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 2/64
อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนงานเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพต่างๆ มากขึ้น โดยให้ความสนใจขยายการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน Food Ordering (สั่งอาหาร) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการลงทุนและก้าวสู่การเป็น Tech Company
พร้อมทั้งมีเป้าหมายในอนาคตที่จะนำ ABPO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในสิ้นปี 66 ด้วย