เปิดโผ 15 หุ้นเด่น โบรกฯแห่อัพกำไรปี 64-65 แถมราคาเป้าสูงปรี๊ด!

เปิดโผ 15 หุ้นเด่น โบรกฯแห่อัพกำไรปี 64-65 แถมราคาเป้าสูงปรี๊ด!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยเน้นหุ้นที่โบรกเกอร์ชั้นนำของไทยทำการวิเคราะห์และได้ปรับประมาณการณ์กำไรปี 2564-2565 และอัพราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นมานำเสนอ เนื่องจากผลการดำเนินงานในปี 2563 ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤติโควิด-19

สำหรับกลุ่มหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวจากการสำรวจบทวิเคราะห์ล่าสุดในเดือนมีนาคม 2564 พบว่ามีหุ้นที่เข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมด 15 ตัว ดังนี้

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH  แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 หลังจากที่กำไรสุทธิปี 2563 ออกมาแข็งแกร่งที่ 1.23 พันล้านบาท (+8.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 จะโตสองหลัก เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยคาดว่ารายได้ของ BCH ปีนี้จะโต 14.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก i) กลุ่มผู้ป่วยที่ชำระเงินสดฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ii) ฐานรายได้แข็งแกร่งจากกลุ่มประกันสังคม และ iii) รับรู้รายได้จากการตรวจ COVID-19 อย่างต่อเนื่อง

ปรับประมาณการกำไรปี 2564 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.39 พันล้านบาท (+13.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เราปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี FY64 เป็น 33.5% (จากเดิม 33.0%) เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563 ดีเกินคาดที่ 33.1% มีแรงหนุนจากการตรวจคัดกรอง COVID-19

โดยรวมแล้วชอบ BCH เพราะมีกลยุทธ์ธุรกิจที่ดีที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจาก COVID-19 ด้วยการเน้นตรวจ COVID-19 ซึ่งสามารถชดเชยรายได้จากผู้ป่วยต่างที่มาใช้บริการ WMC ลดลงในช่วงที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ในปีนี้

ยังคงคำแนะนำซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 23.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.5% และ TG ที่ 3.0%) จากราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 22.30

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ KTB แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 16.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯปี 2564 – 65 ขึ้น โต 24% และ โต 26% ตามลำดับ จากสมมติฐาน i) สินเชื่อภาครัฐฯที่คาดจะเติบโต ii) Credit cost ผ่านจุดสูงสุด ฝ่ายวิจัยฯปรับเป้าหมาย PBV ขึ้นเป็น 0.6 เท่า (เดิม 0.55 เท่า) และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ถือ”)

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 3.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯปี 2564 ขึ้น +12.3% จาก i) คาดมีรายได้เพิ่มจากโรงพยาบาลแห่งใหม่ 2 แห่ง ii) ธุรกิจรับบริหารจัดการโรงพยาบาล

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน)  หรือ STEC แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 18.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯปี 2564 – 65 ขึ้น โต 11.6% และโต 5.8% ตามลำดับ i) Backlog ปัจจุบัน 1.08 แสนล้านบาท เพียงพอเลี้ยงผลการดำเนินงานไปอีก 3 ปี ให้เติบโตได้เฉลี่ยปีละ 8 – 10% ii) คาดได้งานประมูลเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านบาท สำหรับประเด็นเรื่องความกังวลต่อ ความเสี่ยงที่จะโดนปรับงานก่อสร้างรัฐสภาล่าช้า ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะได้ต่อสัญญาไปอีก 150 วัน โดยไม่มีค่าปรับ

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ทีเอ็มที สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ TMT แนวโน้มผลประกอบการปี 2564 จะเติบโตได้ดี คาดกำไรไตรมาส 1/64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ประมาณ 285 ล้านบาท (+64%เทียบไตรมาสก่อนหน้า, +131%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นคาดกำไรปีนี้ 768 ล้านบาท โต 43%  ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2564 ที่ค่อนข้างต่ำ 8.8 เท่า ปันผลตอบแทน 9.1% ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 เท่ากับ 8.8 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E 10 เท่า เพิ่มขึ้นจากเดิม 7.8 บาท จากประมาณการที่ปรับเพิ่มขึ้น  คงแนะนำTRADING BUY

บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TMT ยอดขายไตรมาส1/64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดกำไรสุทธิโตกว่าเท่าตัวทั้ง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหนุน คือ ราคาเหล็กพุ่งขึ้นหลังอุปสงค์ฟื้นตัว คาดปี 64 ราคาขายจะสูงขึ้น +30%YoY

กำไรสุทธิปี 64F เติบโตสดใส โต 49%  เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 804 ล้านบาท  จ่ายปันผลสูงสม่ำเสมอ โดย DY ปี 63 เท่ากับ 6.4% และปี 64F เพิ่มเป็น 9% คงคำแนะนำซื้อ ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 10.60 บาท อิง P/E ปีนี้ที่ 11.5 เท่า (Mean 5 ปี)

 

บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน)  หรือ  ROJNA ปรับประมาณการกำไรหลักปี 64 และ 65 เพิ่มขึ้น +49%/+39% ตามลำดับ พิจารณาได้จากตารางทบทวนด้านล่าง สะท้อนรายได้นิคมฯ และอัตรากำไรขั้นต้นโรงไฟฟ้าให้สูงขึ้น ทางด้านรายได้นิคมฯ มีการปรับให้เพิ่มขึ้นในปี 64 และ 65 ในอัตรา +43%/+33% ตามลำดับ

โดยมีสมมุติฐานการโอนนิคมฯที่ 469 และ 491 ไร่ ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่โอนราว 450 ไร่ อีกทั้งได้ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าเป็น 17% สอดรับกับแนวโน้มราคาก๊าซที่ทรงตัวในระดับต่ำ แม้ปรับรายได้การขายไฟฟ้าลงบางส่วน รวมทั้งมีการปรับลดต้นทุนทางการเงิน สะท้อนจำนวนเงินกู้ที่ต่ำกว่าคาดคงคำแนะนำ ซื้อ แต่ปรับราคาพื้นฐานใหม่ขึ้นเป็น 5.82 บาท

 

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA  ปรับกำไรปกติปี 2564 เพิ่ม โต 17% จากยอด transfer ที่สูงขึ้น และกำไรจากการขายทรัพย์เพิ่ม เราปรับประมาณการกำไรปกติปี2564เพิ่มขึ้น +17% อยู่ที่ 2.98 พันล้านบาท (+43% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยเป็นผลจากการปรับ 1) เพิ่มยอด transfer เป็น 556 ไร่ (จากเดิม 418 ไร่) เพื่อสะท้อนนักลงทุนที่สามารถเดินทางมาศึกษาลงทุนได้เร็วกว่าที่คาด ภายหลังที่มี special visa

และ 2) เพิ่มกำไรขั้นต้นจากการขายทรัพย์เป็น 1.1 พันล้านบาท จากเดิมคาดกำไรขั้นต้น และส่วนแบ่งกำไรจาก JV ที่ 1.0 พันล้านบาท ตามลักษณะของทรัพย์ที่ขายเข้ากอง WHART แนะซื้อปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 4.50 บาท จากเดิมราคาเป้าหมายที่ 4.00 บาท

 

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEXนะนำ “BUY” ราคาเป้าหมาย 25 บาท/หุ้น ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2564 เพิ่มขึ้นโต 5% เป็น 762 ล้านบาท (+37% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากการปรับ GPM ขึ้นเป็น 4.6% (จากเดิมที่ 4.5%) จากรายได้ non-mobile เพิ่มขึ้น และประเมินกำไรปกติปี 2022E ที่ 952 ล้านบาท (+25% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากรายได้ที่โต +19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการหา partner และเพิ่มสินค้าใหม่ต่อเนื่อง และ GPM เพิ่มเป็น 4.7%

 

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)  หรือ STA คงคำแนะนำซื้อ และปรับราคาเป้าหมายปี 2565 ขึ้นเป็น 65.00 บาท อิง 2565 PER 7 เท่า อิงค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมยาง (จากราคาเป้าหมายเดิมที่ 41.00 บาท อิง 2020E PER 9 เท่า)

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64-65 ขึ้น +61%/+50% โดยประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 16,137 ล้านบาท (+69%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และ 2022E ที่  14,959 ล้านบาท (-7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) สะท้อนกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นของธุรกิจถุงมือยาง (STGT)เป็นหลัก จากราคาถุงมือยางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก และกำไรจากธุรกิจกัญชงเล็กน้อย โดยคาดว่าธุรกิจกัญชงจะสร้างกำไรให้กับบริษัทอย่างมีนัยนะตั้งแต่ปี 2023E เป็นต้นไป เบื้องต้นสมมุติฐานเราเพิ่มธุรกิจปลูกกัญชงเข้าไปในปี 2021E จำนวน 150 ไร่/crop/ปี และ ปี 2022E 300 ไร่/2crops/ปี และ 2,000 ไร่ ภายในปี 2025E

 

บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN มีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในปี 2564 (จากเดิมมองเป็นกลาง) ซึ่งมีปัจจัยผลักดันจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง OEM การทำแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของตนเอง และการขยายกำลังการผลิตกว่า 10% ในไตรมาส3/2564

ปรับประมาณการกำไรปี 2021-23 ขึ้น 50-68% เพื่อสะท้อนอัตรากำไรที่ดีขึ้นในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่แข็ง ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ และปรับมูลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 18.0 บาท (เดิม 10.3 บาท) อ้างอิง 13.5xPE21E

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT หลังรายงานกำไรปี 2563 ที่ 1,047 ลบ. +54%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นสถิติสูงสุดใหม่ ยังเห็นพัฒนาการบวกของ JMT ในทุกบรรทัดในปี 2564-65

เพื่อสะท้อนการเติบโตที่ยังคงน่าประทับใจ ปรับเป้ากำไรสุทธิปี 64-65 ขึ้นเฉลี่ย 22% เป็น 1,479/2,042 ลบ. +41%/+38%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตในอัตราเฉลี่ยสะสม (CAGR) = 40% ต่อปี เช่นเดียวกับที่ปรับราคาเหมาะสมปี 2564 (รวม Fully diluted จาก JMT-W2) ขึ้น 49% เป็น 53.00 บ./หุ้น อิง P/E64 =  40 เท่า หรือ PEG 1 เท่า 

ทั้งนี้ระยะสั้นเห็นอีกปัจจัยบวกหนุน คือ โอกาสที่อาจถูกเข้าคำนวณใน SET50 ใน 6-12 เดือนข้างหน้า แม้ขนาดของ JMT จะยังเล็กกว่าผู้นำในตลาดอย่าง BAM แต่เราชอบ JMT ที่เป็น Growth Stock และสร้างผลการเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอทั้งในแง่กระแสเงินสดรับและฐานกำไรสุทธิที่กำลังจะขึ้นเทียบชั้นในไม่ช้า

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน)  หรือ JMART (BUY, TP45) ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2564 ที่ 45.00 บาท (อิง SOTP) จากเดิมที่ 26.00 สะท้อนการปรับประมาณการกำไรปี 2564-2565 ขึ้นเฉลี่ย 21% หลักๆ เนื่องจาก i) JMT มีผลจัดเก็บเงินสดที่ดีกว่าคาด และ ii) J-Mobile คาดยอดขายเพิ่มขึ้นรับการขยายสาขาเชิงรุก ทั้งนี้เรามองว่าบริษัทมีความน่าสนใจเนื่องจากการขยายขอบเขตจากธุรกิจค้าปลีกสู่การให้บริการธุรกิจการเงิน ที่ตอบโจทย์โครงสร้างประเทศ, ผลตอบแทนสูง, และมี Ecosystem ของบริษัทลูกในเครือ และมีพันธมิตรสนับสนุน ซึ่งอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวอย่างแท้จริง

 

บล. ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTGนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 25.00 บาท อิง PER +1SD ที่ 23 เท่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2564 น่าจะยังเติบโตได้จากการสัญจรรถยนต์ที่มากขึ้น กลับมาคึกคักอีกครั้ง และค่าการตลาดยังอยู่ในระดับดีมากที่ 1.9 บาทต่อลิตร และมี Upside ต่อราคา CPO ที่ปรับเพิ่มขึ้น

โดยผู้บริหารยังคงตั้งเป้าปริมาณขายน้ำมันปี 2564 เติบโต 8-12% จากการเปิดเมือง และค่าการตลาดจะยังอยู่ในระดับที่ดีที่ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร และหาโอกาสทางธุรกิจ Non-oil ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำ Solar farm โรงไฟฟ้าขยะ และกัญชงต่อยอดธุรกิจ Food and Beverage และเตรียมนำ 2 บริษัทในเครือเข้าตลาดฯ ปี 2022 คือ ธุรกิจ LPG และ Palm

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า  บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ  ICHI เป้าหมายทางการปี 2564 Aggressive มากทั้งการยืนเป้าน้ำด่าง 1 พันล้านบาท และตั้งเป้าน้ำเทอร์ปีน 315-450 ล้านบาท ปีนี้ โดยจะเริ่มขายกลางเดือนเม.ย. โดยมองกัญชงจะมาแรงกว่ายุคชาเขียว ปรับประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้นเป็น โต 51% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามเป้าหมายของบริษัท ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 15 บาท แนะนำ ซื้อ

 

บล. ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC คาดกำไรเบื้องต้นในไตรมาส 1/2564 จะทำสถิติใหม่ที่ 455 ล้านบาท +23% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +25% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 27% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากความต้องการที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง

ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทที่เพิ่มขึ้น และ DCC มีการปรับราคาขายขึ้นประมาณ 2-5 บาท/ตรม. (1.5-4%) จากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ด้วยงบที่จะออกมาดี คาดจะจ่ายปันผล Q1 ที่ 0.055 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield รายไตรมาสที่ 2.4%,ปรับประมาณการกำไรขึ้นเล็กน้อยเป้าพื้นฐานใหม่อยู่ที่ 3.3 บาท

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button