PT ตั้งเป้ารักษารายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน เชื่อครึ่งปีหลังผลการดำเนินงานดีขึ้น

PT ตั้งเป้ารักษารายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 2.6 พันลบ. เชื่อครึ่งปีหลังมีผลการดำเนินงานดีขึ้น หลังเข้าช่วงไฮซีซั่น เผยมีแผนขยายธุรกิจไอทีไปต่างจังหวัด


นายหะริน อุปรา กรรมการ บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PT เปิดเผยว่า บริษัทจะพยายามรักษาระดับรายได้ปีนี้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท แม้ครึ่งปีแรกจะทำรายได้ได้เพียง 783.51 ล้านบาท แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังนี้จะมีผลการดำเนินงานดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ จากภาคเอกชนจะใช้เงินลงทุนในช่วงที่เหลือของปี และจะลงทุนต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/59 ประกอบกับจะมีการลงทุนในส่วนของภาครัฐ เช่น การประมูลคลื่นความถี่ 4G รวมถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจเกี่ยวกับไอทีต่างๆที่น่าจะส่งผลดีต่อการลงทุนของภาคเอกชนที่จะเข้ามาเพิ่มเติมด้วย

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจาก on premise (ซื้อขายครั้งเดียว) 56% ,non recurring 5% ,recurring (รายได้ประจำต่อเนื่อง) 39% โดยมีแผนที่จะขยายธุรกิจไอทีไปยังต่างจังหวัด เช่น จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการขยายตัวสูง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนไทยและต่างชาติ

ขณะที่บริษัทในเมียร์มาร์นั้นปัจจุบันมีรายได้ต่อปีราว 200 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศมากขึ้น เนื่องด้วยเมียนมาร์อยู่ในช่วงของการเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย.นี้ และถ้าหากมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเชื่อว่าเมียนมาร์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเรื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยบริษัทฯก็มองโอกาสที่จะเข้าไปรับงานทำเทเลคอมในเมียนมาร์ด้วย และน่าจะมีรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพื่อที่จะเข้าไปรับงานทำระบบไอที รักษาความปลอดภัยข้อมูลของบัตรเครดิต (PCI standard) ให้กับสถาบันการเงิน คาดว่าน่าจะสรุปได้ภายในปี 58

“ภาพครึ่งปีหลังเรามองว่าน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไม่มีการลงทุนเกิดขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้เข้ามาน้อยลง ซึ่งรายได้ที่เข้ามาจะเป็นรายได้ต่อเนื่อง หรือการทำสัญญากับลูกค้าระยะยาว ขณะที่ครึ่งปีหลังนี้จะเป็นช่วงของไฮซีซั่น และภาคเอกชนจะมีการลงทุน โดยเราก็หวังว่าจะมีงานที่ใหญ่ๆที่จะเข้ามาขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมเติบโตไปได้ เช่น โครงการไฮสปีดอินเตอร์เน็ต โครงการประมูล 4G เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามเรามองปีนี้เป็นปีที่เหนื่อย จากสถานการณ์โดยรวมไม่ได้ส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโต ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูการลงทุนของภาครัฐว่าจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณอะไรบ้าง ถ้าการลงทุนดังกล่าวเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นโอกาสที่จะสามารถทำรายได้ให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ”นายหะริน กล่าว

Back to top button