(อัพเดท) AJD คาดสรุปดีล “อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง” ใน 1-2 เดือนนี้
AJD มั่นใจ "ตู้เติมเงินออนไลน์" ดันกำไรปีนี้นิวไฮ หรือเติบโต 3 เท่าจากปี 57 เตรียมเล็งส่งสินค้า-ตู้เติมเงินเจาะ AEC ประเดิมพม่า-เขมร-ลาว-เวียดนาม ทั้งนี้ เผยเจรจาความร่วมมือเครืออาลีบาบารู้ผลภายใน ก.ย.-ต.ค.นี้ เล็งส่ง "แฮปปี้ วิชั่น" เข้าตลาด mai ปี 59 พร้อมยกเลิกแผนโซลาร์ฟาร์ม
นายอมร มีมะโน กรรมการผู้จัดการ บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD เปิดเผยว่า สำหรับธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ที่บริษัทได้ทำการเปิดตัวใหม่นั้นจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้ให้ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยเชื่อว่าจะมีกำไรสูงเป็น 3 เท่าของปี 57 ที่ทำกำไรสุทธิราว 120 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมส่งตู้เติมเงินออนไลน์บุกตลาด AEC เริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับไทย ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
“มีคุยกันอยู่แล้วยังไม่สรุปว่าจะเริ่มได้เมื่อไร โดยจะนำสินค้าของ AJ ทุกอย่างไปขายใน AEC รวมทั้งตู้เติมเงินออนไลน์ด้วย เราจะเริ่มบุกตลาดตู้เติมเงิน AJ เติมสบายในปี 58 ถ้าขายได้ 2 หมื่นเครื่องตามเป้าก็เชื่อว่ากำไรจะเป็นกำไรสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ และต้องมี 3 เท่าของปี 57 จากนั้นปี 59 ขายได้อีก 5 หมื่นตู้ รวมเป็น 7 หมื่นตู้ ก็จะขึ้นสู่อันดับหนึ่งของตู้เติมเงินในไทย”นายอมร กล่าว
สำหรับส่วนรายได้รวมปีนี้ AJD คาดว่าจะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 50% จากปีก่อนที่มีรายได้กว่า 1,800 ล้านบาท โดยรายได้จากตู้เติมเงินจะเข้ามาผลักดันรายได้รวมให้เติบโตได้สูงขึ้นด้วย ประกอบกับ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้เติมเงินมีอัตรากำไรสุทธิสูงมากกว่า 50% จึงเชื่อว่าจะทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคง
โดยบริษัทตั้งงบลงทุนเบื้องต้นสำหรับตู้เตืมเงินออนไลน์ 2 หมื่นเครื่องแรกในปีนี้ไว้ที่ 200 ล้านบาทน่าจะเพียงพอ โดยมาจากการเพิ่มทุนทั้งการเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน(RO)และการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่(PP) ซึ่งเบื้องต้นมีนายวิชัย วชิรพงษ์ หรือเสี่ยยักษ์ เข้ามาร่วมถือหุ้นในส่วนนี้ และยังกันหุ้น PP บางส่วนไว้สำหรับพันธมิตรต่างประเทศด้วย
“จุดแข็งของเราคือเป็น LOCAL แบรนด์อันดับหนึ่งของสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทมียอดขายกล่องทีวีดิตอลมากกว่า 1 ล้านเครื่องเป็นอันดับหนึ่งของตลาดที่ขายมากสุด ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของ AJ และที่สำคัญได้ผู้บริหารมาจาก SINGER และทีมงานจำนวนมากราว 400 คน จะมาเป็นผู้ทำการตลาด”นายอมร กล่าว
ทั้งนี้บริษัทจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายตัวตู้เติมเงิน และเป็นผู้ขายระบบซอฟท์แวร์ในการเติมเงินออนไลน์ ซึ่งขณะนี้มีคำสั่งซื้อเข้ามาในหลักหมื่นตู้แล้ว โดยกำหนดราคาขายอยู่ที่ 39,900 บาท/ตู้ และจะมีรายได้จากส่วนแบ่งรายได้กับผู้ที่ซื้อตู้ไปติดตั้ง โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นแหล่งชุมชน ร้านโชห่วย ซึ่งมีจำนวนมากทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทก็รับเป็นผู้ผลิตรูปแบบ (OEM) ให้กับผู้ขายตรงแบรนด์อื่นๆ ด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะมีคำสั่งเข้ามาราว 1 แสนตู้ ขณะที่การใช้ซอฟท์แวร์ของบริษัทจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ช่นกัน ทั้งนี้ ในจำนวนนี้รวมอยู่ในเป้าหมายยอดขายของบริษัทแล้ว
โดยปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตตู้เติมเงินอยู่ที่ 1 หมื่นตู้/เดือน โดยหากเป็นช่วงไฮซีซั่นก็อาจส่งงานต่อให้กับผู้ผลิตภายนอกด้วย
ขณะนี้มีพันธมิตรหลายรายที่สนใจจะเข้ามาทำธุรกิจร่วมกับบริษัท เช่น ร้านอมร อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีสาขาอยู่ 91 แห่ง โดยบริษัทมีแผนที่จะมอบหมายให้เป็นศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายตู้เติมเงิน AJ ด้วย
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจกับ อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง นั้น นายอมร กล่าวว่า ปลายเดือน ก.ย. นี้จะเดินทางไปประเทศจีนอีกครั้งเพื่อเจรจาอีกครั้ง เพื่อร่วมกันทำธุรกิจอีคอมเมอร์ซ และโลจิสติกส์ คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ เพราะเจรจากันมาหลายรอบแล้ว ประเมินเงินลงทุนเบื้องต้นราว 100 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทยังคงยืนยันแผนส่งบริษัทลูก คือ บริษัท แฮปปี้ วิชั่น จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจด้านมีเดียคอนเท้นท์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 59 แต่แผนการลงทุนธุรกิจโซลาร์ฟาร์มคงชะลอไว้ เพราะมีคู่แข่งเป็ฯจำนวนมาก จึงขอหันมาเน้นธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ก่อน
ด้าน นายวิชัย วชิรพงษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งผู้แสดงเจตจำนงซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP จำนวน 200 ล้านหุ้น เปิดเผยว่า การตัดสินใจเข้าลงทุนในหุ้น AJD เพราะเห็นว่าผู้บริหารดี เป็นมืออาชีพเต็ม 100% ไม่มีนอกมีใน ตั้งใจทำธุรกิจ สำหรับการตั้งเป้าหมายจำนวนคตู้เติมเงินออนไลน์ปีนี้ 2 หมื่นเครื่องน่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะ มีโรงงานผลิตเอง และได้เปรียบคู่แข่งเนื่องจากทีมงานมีประสบการณ์สูงมาก