DOD แรงต่อ 3% หลังจับมือ BEAUTY ลุย “กัญชง” ประเดิมวางตลาดครึ่งปีหลัง
DOD แรงต่อ 3% หลังจับมือ BEAUTY ลุย “กัญชง” ประเดิมวางตลาดครึ่งปีหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ณ เวลา 10.12 น. อยู่ที่ระดับ 15.20 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 3.40% สูงสุดที่ระดับ 15.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 199.66 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่คาดว่าส่งผลให้ราคาหุ้น DOD ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงวันนี้ มาจากการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU กับ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ว่าด้วยความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จ (Finished Product) ตลอดจนดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชง เพื่อให้ BEAUTY นำเอาผลิตภัณฑ์สำเร็จ (Finished Product) ออกจำหน่ายสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ภายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564
ด้านนายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DOD เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการต่อยอดธุรกิจภายใต้การเป็น Strategic Partner ร่วมกันแล้ว ยังถือเป็นการสร้างมิติใหม่ระหว่างผู้นำของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระหว่าง DOD ซึ่งเป็นผู้นำด้านความเชี่ยวชาญในการพัฒนาวิจัยคิดค้นสูตรนวัตกรรมและการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางและสกินแคร์
รวมถึงยังมีบริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (บริษัทย่อยของ DOD) มาเสริมศักยภาพไลน์ผลิตธุรกิจกัญชง ที่ช่วยต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า-จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ และการสกัด สู่กระบวนการผลิตในรูปแบบผลิตภัณฑ์สำเร็จ (Finished Product) ที่มีสารสกัดจากกัญชงครบวงจรระดับต้น ๆ ของประเทศ
“สำหรับเมล็ดพันธุ์ บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งหมด 10 สายพันธุ์ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะนำเข้ามาได้ช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้ พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมยื่นขอใบอนุญาตจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ รวมถึงเตรียมยื่นคำขอรับใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง ซึ่งหากบริษัทได้รับใบอนุญาตครบตามที่ยื่นขอ จะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งและความเป็นผู้นำระดับต้น ๆ ของประเทศของ DOD ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางและสกินแคร์ จากสารสกัดกัญชง” นายธนิน กล่าว
ขณะที่พันธมิตรทางธุรกิจ อย่าง BEAUTY ถือเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว ภายใต้แนวคิด Live a beautiful life ซึ่งเป็นเจ้าตลาดในธุรกิจค้าปลีกอันดับต้น ๆ ของประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นด้วยจุดเด่นความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัท จะช่วยผลักดันให้มูลค่าการตลาดทั้งในส่วนของผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้บริโภค เติบโตไปพร้อม ๆ กัน