น้ำมันดิบปิดลบ วิตกตลาดหุ้นทั่วโลกร่วง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 63 เซนต์ ปิดที่ 44 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก อันเนื่องมาจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของเฟด ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยวอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีในการประชุมครั้งนี้
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ได้ออกรายงานประจำเดือนเมื่อวานนี้ โดยได้ปรับลดคาดการณ์ปริมาณน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกในปีนี้ โดยลดลง 72,000 บาร์เรล สู่ระดับ 880,000 บาร์เรลต่อวัน จากการผลิตน้ำมันที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐ การปรับลดคาดการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า ราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงกำลังส่งผลกระทบต่อการผลิต shale oil ของสหรัฐ
นอกจากนี้ โอเปกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของโอเปกในปีนี้ขึ้นอีก 400,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 29.3 ล้านบาร์เรล แต่ก็ยังต่ำกว่าราว 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันที่โอเปกผลิตน้ำมันในเดือนที่แล้ว
ขณะเดียวกัน โอเปกปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีนี้ สู่ระดับ 1.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้ นำโดยการขยายตัวของกลุ่มประเทศเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีหน้าสู่ระดับ 1.29 ล้านบาร์เรลต่อวัน อันเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในจีนและละตินอเมริกา