หุ้นพลังงาน-รถยนต์ดันตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มรถยนต์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากมุมมองที่ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐซึ่งมีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อวานนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิด (15 ก.ย.) ที่ 356.43 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,569.37 จุด เพิ่มขึ้น 51.22 จุด หรือ +1.13%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,188.13 จุด เพิ่มขึ้น 56.39 จุด หรือ +0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,137.60 จุด เพิ่มขึ้น 53.01 จุด หรือ +0.87%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นซีดริลล์ และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ที่ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 4.3% เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มรถยนต์ที่ปรับตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ในตลาดยุโรปดีดตัวขึ้นในเดือนส.ค. โดยหุ้นเดมเลอร์ เอจี ปรับขึ้น 1.3% หลังจากผู้บริหารของเดมเลอร์แสดงความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของเดมเลอร์ในตลาดจีนจะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากมุมมองที่ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอล่าสุดของสหรัฐนั้น อาจทำให้เฟดใช้เป็นเหตุผลที่จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ โดยข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวรวมถึง ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ที่ขยับขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ลดลง 0.4% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.2% อันเป็นผลมาจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่ซบเซา และตลาดการเงินที่ผันผวน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ที่ระบุว่า อัตราการจ้างงานของประเทศยูโรโซนในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี และอัตราการจ้างงานในสหภาพยุโรป (EU) ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายไตรมาส