สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้

สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจประจำวันที่ 16 ก.ย.58


– ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.20 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 120.28 เยน/ดอลลาร์

– ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.1212 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1285 ดอลลาร์/ยูโร

– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,381.80 เพิ่มขึ้น 11.15 จุด หรือ 0.81% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 35,931 ล้านบาท

– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 388.20 ล้านบาท (SET+MAI)

 

– ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 7:0 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% เนื่องจากยังมองว่าเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาเป็นบวกในช่วงไตรมาส 1/59 ซึ่งช้ากว่าคาดการณ์เดิม สำหรับเงินบาทที่อ่อนค่าในระดับปัจจุบันมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตาม กนง.ยังคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยคงจะเติบโตได้ต่ำกว่า 3% จากผลกระทบปัจจัยภายนอกเป็นหลัก

– นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกองทุนหมู่บ้าน และการเร่งใช้งบประมาณโครงการขนาดเล็กของภาครัฐ วงเงิน 1.3 แสนล้านบาทจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกราว 0.4% และยังมั่นใจว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์หรือไม่

– นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาการลดภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าธรรมเนียมการโอน และ ค่าธรรมเนียมการจดจำนองอย่างถาวร เพื่อหวังกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังต้องศึกษาข้อดีข้อเสียว่าหากลดค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวได้จริงหรือไม่ เปรียบเทียบกับรัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียม โดยจะมีข้อสรุปพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีภายในปีนี้อย่างแน่นอน

– พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เตรียมจะเสนอมาตรการเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนมากขึ้น เพื่อให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาในสัปดาห์หน้า เพื่อจะทำให้เกิดการลงทุนจริงภายในปี 2560 โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มอีก 1-2 ปีตามเงื่อนไข พร้อมออกนโยบายส่งเสริมการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรม

– พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงแบห่งชาติ (คสช.) คาดว่าหากทุกอย่างเดินไปตามโรดแมพจะสามารถเลือกตั้งได้ราวเดือนก.ค. 60 ซึ่งเป็นไปตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีประเมินไว้ ส่วนจะเร็วกว่านั้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการทำงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

– สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) จัดสัมมนา”TOP DOWN VIEW ส่องเศรษฐกิจโลก เอเชีย และไทย ฟื้นหรือฟุบ” นักวิชาการมองไทยต้องจับทิศทางเศรษฐกิจโลก เพื่อตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจหรือนโยบายการเงินของโลก จากทั้งสหรัฐฯ ,จีน และญี่ปุ่น ขณะที่มองไทยจะเติบโตอย่างไร้ทิศทางไปอีก 3 ปี โดยการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ จะไม่ช่วยให้ประเทศเติบโต หลังยังขาดการสนับสนุนในด้านการศึกษา, วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี และสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม

– ธนาคารโลก (World Bank) ออกรายงานเพื่อเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจทำให้กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ลดลงอย่างมาก รายงานยังระบุว่า แม้จะมีการคาดการณ์ว่าการกลับมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินของเฟดจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ตลาดตกอยู่ในภาวะผันผวน เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแอ รวมทั้งการชะลอตัวของการค้าระหว่างประเทศ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

– กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (ODI) ประจำเดือนส.ค.ของจีน เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 22% สู่ระดับ 8.71 พันล้านดอลลาร์

– ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับลดแนวโน้มผลผลิตภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะยังคง “ทรงตัว” ในไตรมาส 3 ปีนี้ จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม “จะเริ่มปรับตัวขึ้น” ในไตรมาส 3  นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่สามารถฟื้นตัวตามที่บีโอเจคาดการณ์ไว้

– สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้น 15 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 10,248 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,109.98 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.62 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button