SAAM พุ่งชนซิลลิ่ง-ออลไทม์ไฮต่อ! แม้แจง ตลท.ไม่มีพัฒนาการใหม่
SAAM พุ่งชนซิลลิ่ง-ออลไทม์ไฮต่อ! แม้แจง ตลท.ไม่มีพัฒนาการใหม่
บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM ณ เวลา 11.42 น. อยู่ที่ระดับ 4.74 บาท บวก 1.08 บาท หรือ 29.51% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 143.70 ล้านบาท ราคาหุ้นพุ่งชนซิลลิ่งของวันที่ระดับ 4.74 บาท และทำจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2562
อนึ่งเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2564 บริษัทชี้แจงว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ได้มีการสอบถามถึงพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหลักทรัพย์ของ SAAM เนื่องจากพบว่าสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากวันก่อนหน้าเพื่อให้ผู้ถือหุ้นและหรือผู้ลงทุนได้มีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วนบริษัทขอชี้แจงดังนี้
บริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ หรือสารสนเทศที่มีนัยสำคัญที่บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาและอาจเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯในระยะเวลาอันใกล้ เช่น การเพิ่มทุน การร่วมทุน การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน ขณะที่บริษัทไม่มีข้อพิพาทที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไป และไม่ทราบถึงสาเหตุอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย
โดยก่อนหน้านี้นายพดด้วง คงคามี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAAM เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่ายอีก 60 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 50 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศอื่น ๆ จำนวน 10 เมกะวัตต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่าย รวมทั้งสิ้น 100 เมกะวัตต์ ภายในปี 2564
ทั้งนี้ บริษัทจะเร่งพัฒนาและส่งมอบโครงการ SAAM Oita 01 Biomass Power และ SAAM Oita 02 Biomass Power ให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทดำเนินงานและได้รับอนุมัติให้เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าแรงสูง และได้สนับสนุนค่าไฟฟ้า FiT แต่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้บริษัทไม่สามารถติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการที่ประเทศญี่ปุ่นได้ตามปกติ จึงใช้เวลาในการดำเนินการในส่วนของการหารือและเจรจามากขึ้น รวมถึงไม่สามารถเดินทางเพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงาน ราชการดังกล่าวและนักลงทุนได้ บริษัทจึงพิจารณาปรับเปลี่ยนขอบเขตการส่งมอบโครงการ เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการให้สามารถส่งมอบโครงการได้เร็วขึ้น โดยอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าเป้าหมายรายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และมุ่งเน้นการจำหน่ายโครงการ ณ สถานะปัจจุบัน คาดว่าจะส่งมอบโครงการดังกล่าวภายในไตรมาส 2-3/2564 ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ บริษัทเข้าศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องประมาณ 3-4 โครงการ เช่น ธุรกิจการปลูกไม้พลังงาน (Plantation) และธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ หากมองว่าธุรกิจน่าสนใจ จะขออนุมัติการลงทุนต่อไป
“แผนการดำเนินงานในปี 2564 แบ่งเป็น 2 ส่วน คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เสร็จและรับรู้รายได้ ประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 คือธุรกิจที่กำลังพัฒนา มุ่งหวังลงทุน คาดว่าจะรับรู้รายได้ในอนาคต ซึ่งในส่วนของโครงการ SAAM Oita 01 Biomass Power และ SAAM Oita 02 Biomass Power คาดว่าจะสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าภายในไตรมาส 2-3 ปีนี้ ขณะที่การพิจารณาลงทุนโครงการใหม่ ๆ นั้น เช่นธุรกิจโซลาร์ โดยการหาโรงไฟฟ้าเก่าที่ประสิทธิภาพลดลง บริษัทจะช่วยปรับปรุงแล้วขอแบ่งรายได้จากการขายไฟฟ้าในอัตราที่แน่นอน เป็นระยะเวลา 10-15 ปี ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจา 7-8 โครงการ” นายพดด้วง กล่าว
อย่างไรก็ตามที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 1/2564 อนุมัติให้เข้าศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินและแบบติดตั้งบนน้ำในประเทศไทย ขนาดกำลังการผลิตรวมไม่เกิน 30 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้งบประมาณในการลงทุนรวมประมาณ 165 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถศึกษาความเป็นไปได้และตัดสินใจในการลงทุนภายในไตรมาส 2/2564