SCN บวกแรง 14% มั่นใจบุ๊กรายได้โรงไฟฟ้ามินบูปกติ-เฟส 2 แล้วเสร็จภายในปีนี้
SCN บวกแรง 14% มั่นใจบุ๊กรายได้โรงไฟฟ้ามินบูปกติ-เฟส 2 แล้วเสร็จภายในปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ณ เวลา 16.23 น. อยู่ที่ระดับ 2.70 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 14.41% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 129.85 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 1 ปี 8 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 2.70 บาท เมื่อวันที่ 26 ส.ค.62
โดยก่อนหน้านี้ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า บริษัทได้รับรายได้อย่างต่อเนื่องจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้ามินบูให้กับรัฐบาลเมียนมา โดยรายได้ที่เข้ามาล่าสุดเป็นงวดที่ 3 แล้วหลังจากเกิดการรัฐประหาร บริษัทได้รับการชำระเต็มจำนวนและตรงตามกำหนด หักปากกาเซียนหลายท่านที่ฟันธงไว้ว่าบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากการลงทุนธุรกิจในเมียนมา ทั้งนี้ ชี้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น ไม่ส่งผลต่อความต้องการใช้ไฟฟ้า การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าแต่อย่างใด โครงการดังกล่าวยังคงดำเนินไปได้ตามปกติและสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
โดยโรงไฟฟ้ามินบู มีกำลังการผลิตติดตั้ง 220 เมกะวัตต์ ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่ง ภายหลังจากการจำหน่ายไฟฟ้าโดยโครงการเฟสที่ 1 ขนาด 50 เมกะวัตต์แล้ว ก็สามารถทำกำไรได้สูงถึง 180 ล้านบาท ขณะที่โรงไฟฟ้าเฟสที่ 2-4 เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีความพร้อมอย่างมากในด้านทีมงานวิศวกร และวัสดุสำหรับการก่อสร้าง คาดว่าเฟส 2 จะแล้วเสร็จพร้อมจำหน่ายไฟฟ้าได้ภายในปี 2564
ส่วนโรงไฟฟ้าเฟสที่ 3 และ 4 ทยอยต่อเนื่องในปีถัดไป แน่นอนว่าเมื่อโรงไฟฟ้ามินบูดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จครบทั้ง 4 เฟส จะรับรู้รายได้อย่างมหาศาลกว่า 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลประกอบการให้ SCN ได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับโรงไฟฟ้ามินบู เป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมา เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าสำคัญระดับประเทศ สร้างความเจริญให้เข้าสู่พื้นที่ห่างไกล จึงมั่นใจว่าโครงการมินบูจะได้รับการดูแลและสนับสนุนที่ดีทั้งจากประชาชนและทุกชุดรัฐบาลอย่างต่อเนื่องไปอีกยาวนาน ด้วยโรงไฟฟ้ามินบูคือหัวใจสำคัญ ที่ตั้งแต่เริ่มต้นจ่ายไฟจนถึงปัจจุบันได้มีส่วนช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาการดำเนินธุรกิจ ในประเทศให้พัฒนาขึ้นอย่างมาก มีความแข็งแกร่งและจะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน
ส่วนแนวโน้มรายได้ปี 2564 (ปีนี้) บริษัทคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในไตรมาส 1/2564 พบว่ารายได้ฟื้นตัวชัดเจน เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 458 ล้านบาท และยังคงตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 2,370 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1,639 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ (iCNG) ที่มียอดขายฟื้นตัว 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 ล้านบีทียูต่อวัน แต่ในปีนี้คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ระดับ 3,500-4,000 ล้านบีทียูต่อวัน ขณะเดียวกันยังรับรู้กำไรจากโครงการโรงไฟฟ้ามินบูที่เมียนมา, โครงการโซลาร์รูฟท็อป และเงินชดเชยจากการชนะคดี ECOR ส่งผลให้รายได้ปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม แผน 5 ปี (ปี 2564-2568) บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยในปีนี้เป้ารายได้อยู่ที่ 2,370 ล้านบาท, ปี 2565 อยู่ที่ 2,703 ล้านบาท, ปี 2566 อยู่ที่ 2,813 ล้านบาท, ปี 2567 อยู่ที่ 2,913 ล้านบาท และปี 2568 เป้ารายได้อยู่ที่ 2,886 ล้านบาท