ดอลลาร์ดีดขึ้นหลังเฟดตรึงอัตราดอกเบี้ย
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักในตระกร้าเงินเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวันก่อน ในขณะที่ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1351 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1405 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะ 1.5553 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5626 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 119.83 เยน จากระดับ 120.16 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9642 ฟรังค์ จากระดับ 0.9618 ฟรังค์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7218 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7270 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์แคนาดาเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3086 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเกือบ 0% หลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันเมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันศุกร์ เทรดเดอร์จึงให้ความสำคัญกับการตีความหมายแถลงการณ์ของเฟด
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แต่ก็เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อยในช่วงต่อไปของปีนี้
เฟดระบุว่า ถึงแม้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง แต่ความผันผวนในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะทำให้มีแรงกดดันในช่วงขาลงต่อเงินเฟ้อในระยะใกล้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของเฟดเชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดระบุว่า 13 ใน 17 สมาชิกบอร์ดคณะกรรมการของเฟดต้องการเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวภายในปี 2558