SSI ร่วง 10% รับผลกระทบหลังปิดโรงงาน SSI UK
SSI ร่วงแรงหลังปลด SP ณ เวลา 10.08 น. ราคาอยู่ที่ 0.09 บาท ลบ 0.01 บาท หรือ 10% สูงสุดที่ 0.10 บาท ต่ำสุดที่ 0.09 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 15.51 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวลงแรงหลังบริษัทแจ้งปิดโรงงานถลุงเหล็กที่อังกฤษ ส่งผลให้บริษัทต้องรับภาระหนี้เพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ณ เวลา 10.08 น. ราคาอยู่ที่ 0.09 บาท ลบ 0.01 บาท หรือ 10% สูงสุดที่ 0.10 บาท ต่ำสุดที่ 0.09 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 15.51 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.03%
โดยเช้าวันนี้ (22 ก.ย.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศปลดเครื่องหมาย SP หุ้น SSI ตั้งแต่รอบการซื้อขายเช้าวันนี้หลังจากที่ SSI ได้เปิดเผยสารสนเทศสำคัญครบถ้วนแล้ว ซึ่ง SSI ได้แจ้งเรื่องการผิดนัดชำระหนี้และสารสนเทศเกี่ยวกับการผิดชำระหนี้ของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าหนี้รายใหญ่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้ ซึ่งคาดว่าจะแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการหารือและรายละเอียดเรื่องดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในเดือนก.ย.นี้
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงแรง คาดว่ามาจากประเด็นที่ SSI แจ้งการหยุดผลิตเหล็กแท่งแบนช่วงคราวที่โรงงานเอสเอสไอที่ไซด์ของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท สหวิริยาสตีล ยูเค จำกัด (เอสเอสไอ ยูเค) โดยเอสเอสไอ ยูเค เป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ถือหุ้นทั้งหมดร้อยละ 100 ระหว่างรอผลการหารือกับผู้มีส่วนได้เสีย เช่น รัฐบาลอังกฤษ คู่ค้า และสหภาพแรงงานในการให้ความร่วมมือลดต้นทุนการผลิตและหยุดผลขาดทุนของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก
โดยการตัดสินใจหยุดผลิตเหล็กแท่งแบนชั่วคราวของธุรกิจโรงถลุงเหล็กครั้งนี้จะส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจโรงถลุงเหล็กเฉพาะส่วนที่จำหน่ายให้กับบุคคลภายนอก (สัดส่วนดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 52 ของยอดขายรวมของกลุ่มบริษัทในงวด 6 เดือน ปี 2558) อย่างไรก็ตามจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนของบริษัทเนื่องจากบริษัทยังมีวุตถุเหล็กแท่งแบสำรองอยู่ และสามารถจัดซื้อวัตถุดิบเหล็กแท่งแบนราคาถูกในตลาดได้
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ย.) ว่า SSI แจ้งหยุดผลิตเหล็กแท่งแบน (slab) ของโรงถลุงเหล็ก SSI UK (SSI ถือ 100%) ชั่วคราวเพื่อปรับปรุงฐานะการเงิน ทั้งนี้ SSI ซื้อโรงถลุงดังกล่าวมาตั้งแต่ ส.ค. 2010 จากบริษัทในกลุ่ม Tata Steel แต่ขาดทุนมาตลอดเพราะราคาเหล็กตกต่ำ ล่าสุดงวดครึ่งปีแรกปี 58บริษัท SSI UK ขาดทุนถึง 5 พันล้านบาท ส่วน SSI ขาดทุน 1 พันล้านบาท ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของ SSI (ในงบการเงินรวม) ติดลบเป็นครั้งแรก 1.8 พันล้านบาท (Book value -0.06 บาท/หุ้น)
โดยคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงและเป็นการดีกว่าที่ SSI UK จะหยุดดำเนินการถาวรและ SSI ขายสินทรัพย์นี้ออกไปเพราะเหล็กยังอยู่ในภาวะ oversupply อย่างน้อย 2 ปี การตัดขายสินทรัพย์เป็นการปลดภาระแต่ไม่ได้ทำให้ SSI จะพลิกกลับมากำไรในเร็ววัน ก่อนหน้านี้แนะนำ”ขาย” SSI อยู่แล้ว และคิดว่ายังไม่น่าเสี่ยงซื้อนขณะนี้