SSP โชว์ EBITDA โต 18.4% หนุน งบ Q1 กำไร 183 ลบ. ลั่นปีนี้ กำลังผลิตไฟฟ้าทะลุ 200 MW
SSP โชว์ EBITDA โต 18.4% หนุน งบ Q1 กำไร 183 ลบ. ลั่นปีนี้ กำลังผลิตไฟฟ้าทะลุ 200 MW
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุด 31 มีนาคม 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมทั้งหมด 501.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 413.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4%
บริษัทฯมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัท) จำนวน 183.1 ล้านบาท ลดลง 15.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 216.95 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1/63 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงจำนวน 51 ล้านบาท ซื่งเกิดจากการกู้ยืมเงินระยะสั้นภายในกลุ่มบริษัท โดยในช่วงปลายปี 2563 บริษัทได้มีปรับปรุงโครงสร้างการกู้ยืมเงินในกลุ่มบริษัทใหม่เพื่อไม่ให้มีรายการนี้มากระทบกำไรขาดทุนของบริษัท
สำหรับกำไรหลักจากการดำเนินงานจำนวน 178.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราส่วนกำไรหลักจากการดำเนินงาน 35.6% ของรายได้รวม สะท้อนการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญา 30 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการระหว่างปี 2563 และจะรับรู้เต็มปีในปี 2564 โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาในมือที่ 145 เมกะวัตต์”
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากเตรียมขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 ขนาด 20 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น ในไตรมาส 3/64 และโครงการพลังงานลมขนาด 48 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม COD ในไตรมาส 4/64 ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ทะลุ 200 เมกะวัตต์ ตามแผน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทฯเตรียมขยายการลงทุน Solar Rooftop ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าภายในปี 2565 จะ COD ประมาณ 15 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ในประเทศญี่ปุ่นขนาด 17 เมกะวัตต์ โดยอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566 โดยบริษัทฯวางเป้าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ จากพลังงานลมเวียดนามเฟส 2 ขนาด 48 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณา