TKN หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 4.1 พันลบ. หลัง “โควิด-19” ฉุดยอดขายไตรมาส 1 ร่วง 17%
TKN หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 4.1 พันลบ. จากเป้าหมายเดิม 5 พันลบ. หลัง "โควิด-19" ฉุดยอดขายไตรมาส 1 ร่วง 17%
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้เหลือเติบโต 4,100-4,300 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 5,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 3,998.98 ล้านบาท เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก
โดยไตรมาส 1/64 บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 919.9 ล้านบาท ลดลง 17.1% จากช่วงเดียวของปีก่อน เนื่องจากรายได้ในต่างประเทศที่ลดลงจากตลาดหลักในประเทศจีน และตลาดในประเทศ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป แต่อย่างไรก็ตามยังได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายของนมพลาสเจอไรส์ รสชานม (Just Drink) ที่เข้ามาช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ปัจจัยหนุนหลักคือ สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น หากมีการฉีดวัคซีนได้ตามแผน, การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งกลุ่มสาหร่าย (Seaweed) ที่คาดว่าจะออกมาอีก 2-3 SKU และผลิตภัณฑ์ Just Drink รสชาติใหม่อีก 2-3 SKU โดยวางเป้ายอดขายของชานมปีนี้ไว้ที่ 300-400 ล้านบาท, ปรับกลยุทธ์การขายในตลาดจีนให้ถูกจุดผ่านช่องทางการจำหน่าย เช่น Modern Trade, Traditional Trade และ Online ซึ่งยังมีสัดส่วนยอดขายค่อนข้างน้อย รวมถึงแนวโน้มสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนน่าจะดีขึ้น ทั้งหมดคาดจะช่วยให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวดีขึ้นได้
อีกทั้งโรงงานผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ หากสามารถกลับมาเดินเครื่องการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือได้รับยอดขายกลับเข้ามาเพิ่มขึ้น และควบคุมต้นทุนต่างๆ ได้ ก็จะส่งผลต่อยอดขายและต้นทุนของบริษัทดีขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตรากำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 9,600 ตัน/ปี
ด้านธุรกิจอาหารในภาพรวมภายใต้ ริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้า และร้านอาหารประเภท Quick Service Restaurant ยอมรับว่ายอดขายลดลงถึง 70-80% หากครึ่งปีหลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น และผ่อนปรนให้นั่งทานในร้านได้ตามปกติ เชื่อว่ายอดขายจะกลับมาดีขึ้น รวมถึงบริษัทยังพยายามบริหารต้นทุนและลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง
โดยจะปรับโครงสร้างให้เล็กลงคล่องตัวมากขึ้น และสาขาใดมีแนวโน้มไม่ดีก็จะต้องปิด และมองธุรกิจใหม่ๆ อย่างเช่น Bomber dog สตรีทฟู้ดเฟรนไชส์ ลงทุนต่ำ ขยายได้ง่าย จะมาเน้นในรูปแบบดังกล่าวมากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าการออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชา ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหงว่างการศึกษาร่วมกันกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งต้นน้ำและกลางน้ำ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งหากมีความชัดเจนมากขึ้นก็จะเปิดเผยต่อไป