NRF วิ่งแรง 9% โบรกฯ ปรับคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 9.80 บ. คาดกำไร Q2 โตแกร่ง
NRF วิ่งแรง 9% โบรกฯ ปรับคำแนะนำ "ซื้อ" เป้า 9.80 บ. คาดกำไร Q2 โตแกร่ง ล่าสุดอยู่ที่ 8.70 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 9.43% มูลค่าซื้อขาย 157.63 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ล่าสุด ณ เวลา 15.18 น. อยู่ที่ 8.70 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 9.43% สูงสุดที่ 8.75 บาท ต่ำสุดที่ 8.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 157.63 ล้านบาท
ทั้งนี้ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ค.) ว่า NRF รายงานกาไรสุทธิไตรมาส1/64 ที่ 15 ล้านบาท ลดลง 25% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 57% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ต่ำกว่าที่บล.บัวหลวง คาดไว้ 35 ล้านบาท (ไม่มีคาดการณ์ของตลาด) เนื่องจากส่วนแบ่งรายได้ที่ต่ำกว่าคาดและอัตราภาษีจ่ายที่สูงกว่าคาด หากไม่รวมรายการพิเศษพิเศษสุทธิทางภาษีที่ 12 ล้านบาท (ค่าธรรมเนียมที่เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนหลังภาษีที่ 27 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 9 ล้านบาท) กำไรหลักจะอยู่ที่ 28 ล้านบาทในไตรมาส 1/64 เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 53% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้คาดว่ากำไรหลักจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 2/64 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยหนุนหลักคือ ยอดขายที่ทำสถิติสูงสุดใหม่, อัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ลดลงจากการประหยัดขนาด ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ Prime Labs (ทั้งยอดขายและอัตรากำไร) จะให้ผลตอบแทนอย่างเต็มที่ต่อผลประกอบการเต็มไตรมาสของ NRF ในไตรมาส 2/64 คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน จากฐานต่ำที่ 30.8% ในไตรมาส 2/63 และทรงตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน
โดย บล.บัวหลวง ประมาณการเชิงอนุรักษ์นิยมสาหรับจานวนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน และทรงตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนในไตรมาส2/64 ผลขาดทุนจากส่วนแบ่งทรงตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 10 ล้านบาทในไตรมาส 2/64
ทั้งนี้ได้ปรับขึ้นคาแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” เนื่องจากระดับความเสี่ยง ผลตอบแทนที่น่าสนใจในปัจจุบัน หลังจากมูลค่าหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่น่าเข้าซื้อลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลงมา (ลดลง 19% ตั้งแต่ต้นไตรมาส) จาก PER สูงสุดในปี 2564 ที่ 64 เท่า มาอยู่ที่ 49 เท่า สำหรับการลงทุนใหม่ในธุรกิจอาหารที่ทำจากพืช (ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ) และธุรกิจ e-commerce (47 ล้านบาทในWicked Foods, 31 ล้านบาทใน Konsious Foods และ 92 ล้านบาทจากการซื้อขาย SOL) จะสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว แต่ปรับลดราคาเป้าหมายวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ณ สิ้นปี 2564 มาอยู่ที่ 9.80 บาท (ลดลงจาก 10 บาท เพื่อสะท้อนมูลค่าที่ลดลงจากหุ้นปันผล อ้างอิงสมมติฐานค่า WACC ที 7.6% และ terminal growth ที 2.5%)