BDMS คาดปีนี้รายได้พลาดเป้าเหลือโต 12% เตรียมรุกธุรกิจประกันสุขภาพในปีหน้า
BDMS คาดปีนี้รายได้พลาดเป้าเหลือโต 12% จากเดิมคาดโต 13-14% เตรียมรุกธุรกิจประกันสุขภาพในปี 59 หวังผลักดันรายได้
นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโต 12% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ 13-14% จากปีก่อน เนื่องจากโรงพยาบาลในเครือยังเข้ามาช่วยได้ไม่เต็มที่ แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นหลังจากนี้
สำหรับแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 3/58 ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่ระดับ 12% โดยบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว แม้ว่าจะมีการสั่งซื้อเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศแพงขึ้นก็ตาม แต่บริษัทก็มีรายได้จากลูกค้าต่างประเทศเข้ามาเช่นกัน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนผู้ใช้บริการที่เป็นต่างชาติ เฉพาะโรงพยาบาลกรุงเทพ 40% แต่หากรวมทั้งกลุ่มบริษัทจะมีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศเฉลี่ยที่ 30% ส่วนลูกค้ารัสเซียที่ลดลงไปบางส่วนจากปัญหาค่าเงินนั้น บริษัทก็ยังมีลูกค้าจากเมียนมาร์ และจีนเข้ามาทดแทน
ขณะที่ในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะรุกธุรกิจประกันสุขภาพเข้ามาเสริม ซี่งจะผลักดันให้รายได้จากส่วนที่ไม่ใช่ธุรกิจกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล แต่เกี่ยวเนื่องทางการแพทย์ (Non Hospital) เพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาทในอนาคต จากราว 6-7 พันล้านบาทในปัจจุบัน เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาลทั่วโลกจะสร้างกำไรได้ประมาณ 10-12% ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทางการแพทย์จะสร้างกำไร 15-20% เนื่องจากไม่มีการควบคุมราคาจากภาครัฐ
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทางการแพทย์ ได้แก่ ธุรกิจน้ำเกลือ, อุปกรณ์ทางการแพทย์, ถุงมือยาง, ยาและเวชภัณฑ์ เป็นต้น หลังจากนี้ก็จะมีธุรกิจประกันสุขภาพจะเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทประกันสุขภาพกรุงเทพ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 100% ที่ดำเนินธุรกิจและมีใบอนุญาตอยู่แล้ว โดยในปีนี้จะเริ่มให้พนักงานของกลุ่มบริษัทที่มีอยู่กว่า 2 หมื่นคนทำประกันดังกล่าว และจะเปิดให้บริการกับประชาชนทั่วไปในปีหน้า โดยบุคคลที่ทำประกันกับกลุ่มบริษัทก็จะส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น วางเป้าหมายจะหยุดขยายการลงทุนในประเทศ เมื่อมีโรงพยาบาลในประเทศครบ 50 แห่ง คาดว่าจะเป็นราวปลายปี 59-60 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 42 แห่ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระจายโรงพยาบาลได้ทั่วประเทศในระดับเหมาะสมแล้ว หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 15% ของส่วนแบ่งตลาดโรงพยาบาลเอกชนในประเทศ หลังจากนั้นบริษัทจะรุกการซื้อกิจการโรงพยาบาลต่างประเทศมากขึ้น