KUMWEL พุ่งแรง 13% ลุ้นปีนี้รายได้แตะ 550 ล้าน ขยายตลาด Innovation Base เจาะลูกค้า CLMV

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KUMWEL ณ เวลา 16.03 น. อยู่ที่ระดับ 2.02 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 13.48% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40.49 ล้านบาท คาดเก็งกำไรเทคทางเทคนิคขาขึ้นและผลงานปีนี้สดใส

สำหรับ KUMWEL รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2564 สิ้นสุด 31 มี.ค.2564 มีกำไรสุทธิ 15.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.08 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/ 2564 เพิ่มขึ้นเนื่องจาก บริษัทมียอดขายในประเทศช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 เท่ากับ 91.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.11จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ การปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลงและต้นทุนขายในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ลดลงร้อยละ 13.23จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 71.65 ล้านบาท เป็น 62.17 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้การปรับกระบวนการขายสินค้าของบริษัท และมูลค่าสินค้าด้อยค่าที่ปรับตัวลดลง รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นจากรายได้บริการที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมีนัย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 เท่ากับร้อยละ45.45 เพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับร้อยละ40.01

โดยก่อนหน้านี้ นายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KUMWEL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ (ปี 2564) อยู่ที่ 550 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 438 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ (Product Base) ได้แก่ ระบบต่อลงดิน, ระบบป้องกันฟ้าผ่า และระบบป้องกันเสิร์จอยู่ที่ 500 ล้านบาท และรายได้จากสินค้ากลุ่ม Innovation Base ได้แก่ ระบบการจัดการป้องกันฟ้าผ่าอัจฉริยะ และระบบแจ้งเตือนฟ้าผ่า อีกประมาณ 50 ล้านบาท ขณะที่บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit margin) ปีนี้ ใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 42%

โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีการขยายธุรกิจสินค้ากลุ่ม Innovation Base มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนของระบบ Smart Lightning Management System คือ ระบบจัดการป้องกันฟ้าผ่าอัจฉริยะ ที่สามารถแจ้งเตือนได้อย่างทันท่วงที ทำงานได้อย่างต่อเนื่องในทุกสภาวะ แบบไร้รอยต่อ และ Kumwell Network Lightning Warning System ระบบแจ้งเตือนฟ้าผ่า ทำงานด้วยระบบอุปกรณ์ตรวจจับ 2 ส่วน คือ M-field ระบบตรวจจับฟ้าผ่าแบบเครือข่าย และ E-field ระบบตรวจจับสนามไฟฟ้าแบบเครือข่าย บริษัทเตรียมโปรโมทสินค้าดังกล่าว และเริ่มมีกระแสตอบรับแล้ว

ดังนั้นบริษัทมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันดำเนินการในประเทศเป็นหลัก คาดว่าภายในปลายปีนี้จะสามารถขยายไปยังประเทศ CLMV ได้ และในปี 2565 เริ่มวางแผนขยายธุรกิจต่อไป

สำหรับความคืบหน้าแผนการดำเนินงานในปี 2564 แบ่งเป็น ในส่วนของ Product Base ได้แก่ ระบบต่อลงดิน ระบบป้องกันฟ้าผ่า และระบบป้องกันเสิร์จ ปัจจุบันบริษัทเพิ่มประสิทธิภาพโรงงานผลิต Ground Rod ใหม่ โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคาร คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 2/2564 และ คาดว่า Ground Rod จะได้รับมาตรฐาน มอก. 3024 เป็นรายแรกในประเทศในไตรมาสที่ 2/2564 ขณะที่ในส่วนของระบบป้องกันฟ้าฝ่านั้น มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตของ LPS และ Metal Powder ด้วยการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2564

นายบุญศักดิ์ กล่าวอีกว่า ความคืบหน้าโครงการต้นแบบรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-โคราช (ช่วงกลางดง-ปางอโศก) ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งระบบ Integrated Earthing System ช่วงกุดจิก-สีคิ้ว (สัญญาแรก) ร่วมกับผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงได้ประมูลครบ 13 สัญญา โดย 12 สัญญาที่เหลือ ผู้รับเหมาได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว 5 สัญญา คาดว่า 5 สัญญาจะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 เป็นต้นไป