SKN วิ่งฉิว 10% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เคาะเป้า 6.40 บ. คาดรายได้ปีนี้สดใส-อัตราปันผลแตะ 3.2%

SKN วิ่งฉิว 10% โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" เคาะเป้า 6.40 บ. คาดรายได้ปีนี้สดใส-อัตราปันผลแตะ 3.2% โดย ณ เวลา 15.38 น. ราคาอยู่ที่ 5.95 บาท บวก 0.55 บาท หรือ 10.19% สูงสุดที่ 6.15 บาท ต่ำสุดที่ 5.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 66.95 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN ล่าสุด ณ เวลา 15.38 น. อยู่ที่ 5.95 บาท บวก 0.55 บาท หรือ 10.19% สูงสุดที่ 6.15 บาท ต่ำสุดที่ 5.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 66.95 ล้านบาท

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา คาดว่ามาจากแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ที่เติบโต และคาดว่าผลการดำเนินงานงวดปี 2564 จะเติบโตอบ่างแข็งแกร่ง

ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.64) แนะนำ “ซื้อ” SKN ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท โดยงวดไตรมาส 1/2564 มีรายได้ที่ระดับ 745.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 18.9 จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากมีการรับราคาขายเพิ่มขึ้น และการขายสินค้าตามเงื่อนไขการขายแบบ CNF (ผู้ส่งออกไม่ต้องรับผิดชอบค่าประกัน) เพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์แผ่นใยไม้อัด MDF เพิ่มขึ้น ในส่วนของอัตรากำไรขึ้นต้นอยู่ที่ระดับ 35.1% เพิ่มขึ้นจาก 22.2% ในไตรมาสก่อน และ22.6% ในไตรมาส 1/2563 ตามราคาขายที่ปรับขึ้น และ Economies of Scale ของสายการผลิตที่ 2

ประกอบกับมุ่งเน้น Product Mixโดยเน้นผลิตภัณฑ์ ที่มี Value added และบริษัทย่อยเอส.คลีเบอร์เคมีคอล เริ่มดำเนินการทดสอบผลิตและทดสอบระบบเครื่องจักร ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 เท่ากับ 86.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 185.6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยกำไรไตรมาส 1/2564 คิดเป็น 46.3% ของประมาณการของบล.โกลเบล็ก

ทังนี้ คงประมาณการรายได้ปี 2564 ที่ระดับ 2,575.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่ปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นจากเดิม 24.7% เป็น 29.5% เนื่องจากบริษัทสามารถปรับราคาขายขึ้นได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีก่อน ขณะที่สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น โรงงานกาวและสารเคมีในนามบริษัทย่อยเอส.คลีเบอร์ เคมีคอล ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนกาวและสารเคมีได้มากขึ้น (คิดเป็นสัดส่วน 50% ของต้นทุนรวม) ส่งผลให้บล.โกลเบล็กปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 45.1% สู่ระดับ 271.4 ล้านบาท เติบโต 66.4% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน

อย่างไรก็ดี จากผลการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในช่วงการเติบโตที่โดดเด่น จึงประเมินมูลค่าอิง AveragePE+1SD ที่ 18.8 เท่า (จากเดิมใช้ Average=15 เท่า) ภายใต้สมมตฐานประมาณการใหม่ได้ราคาเหมาะสมปี 2564 เท่ากับ 6.40 บาท (เดิม 3.46 บาท) มี Upside จากราคาปัจจุบันราว 18.5% ปรับคำแนะนำจาก “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เป็น “ซื้อ” พร้อมคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 3.2%

Back to top button