ลุ้นธุรกิจ EV หนุน HANA กำไร Q2 เด่น! โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” อัพเป้า 64 บ.
“บล.เอเชีย เวลท์” ชี้หุ้น HANA ไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิสดใส รับปัจจัยหนุนจากลุ่มยานยนต์, กลุ่มสมาร์ทมาร์ทโฟน และกลุ่มเทคโนโลยีแบบใหม่ ดันธุรกิจ EV เพิ่มขึ้น เห็นโอกาสการเติบโตในอนาคต แนะนำ “ซื้อ” อัพเป้า 64 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ ( 28 พ.ค. 2564 ) ว่าด้วยเรื่อง บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2564 จะเติบโตกว่าไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีปัจจัยหนุนมาจาก กลุ่มยานยนต์ที่ฟื้นตัว , กลุ่มสมาร์ทมาร์ทโฟนหนุนจาก 5G และกลุ่มเทคโนโลยีแบบใหม่ในการเก็บข้อมูล (Cloud Computing) จากการ Work from Home
ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทฯยังไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิป (Chip) สามารถผลิตได้ตามปกติและได้รับคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องแต่คาดว่าจะเริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้วในช่วงไตรมาส 3/2564 ขณะที่ราคาทองแดงเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯยังสามารถกำหนดราคาตามต้นทุน (Cost Plus) ให้กับลูกค้าได้
นอกจากนี้ทาง HANA กำลังมองธุรกิจใหม่สร้างโอกาสเติบโตในอนาคตโดยมีแบรนด์ HTI โดยเริ่มทำธุรกิจ Inlay tag (อุปกรณ์ติดตาม) ซึ่งเห็นยอดขายในเดือน เม.ย. 2564 ที่ผ่านมามีแนวโน้มเติบโต นอกจากนี้บริษัทฯได้เริ่มพัฒนาธุรกิจใหม่ Power Management ในเกาหลีใต้ (อยู่ในช่วงเริ่มต้น) เพื่อรองรับการใช้รถพลังงานไฟฟ้า (EV Car) ที่เพิ่มขึ้นโดยมองเป็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต และเป็นธุรกิจที่จะสามารถเพิ่มอัตรากำไรให้กับบริษัทฯได้
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 ของ HANA มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.00% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 57.00% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะลดลง 19.00% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 7.00% จากไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 5,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.00% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1.00% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากรายได้ในรูปเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17.00% จากช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว
ขณะเดียวกันชุดแผงวงจรพิมพ์ (PCBA) เติบโต 12.00% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนแผงวงจรรวม (IC) เติบโต 22.00% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และแบรนด์ HTI เติบโต 32.00% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเงินบาทในช่วงไตรมาส 1/2564 แข็งค่า 3.00% จากงวดเดียวกันของปีก่อนส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.90% เทียบกับไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 15.40% ด้านอัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายอยู่ที่ 6.00% เทียบกับไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 6.50%
อย่างไรก็ดีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2564 คิดเป็น 15.00% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 เติบโต 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคาดว่าในปี 2564 บริษัทฯ ยังเติบโตได้จากกลุ่ม Telecom (28% ของยอดขาย) กลุ่ม Automotive (18% ของยอดขาย) และกลุ่ม Industrial (14% ของยอดขาย)
ขณะที่การขยายกำลังการผลิตในโรงงานอยุธยา (25-30% จากเดิม) คาดว่าแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. 2564 และเจียซิงช่วยรองรับดีมานด์ IC ทั่วโลกที่ขยายตัวพร้อมหนุนรายได้ให้เติบโตในอนาคต ทั้งนี้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 64.00 บาท อิงค่า PER 24 เท่า แนะนำ “ซื้อ”