“รุ่งเรืองตลอดไป” ยื่นไฟลิ่ง เตรียมขายไอพีโอ 70 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai
บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล หรือ ไฟลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 70 ล้านหุ้น ระดมทุนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล หรือ ไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งหมดในครั้งนี้ เป็นการเสนอขายผ่านผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และไม่มีการเสนอขายให้กับผู้จองซื้อรายย่อยหรือประชาชนเป็นการทั่วไป เนื่องจากจำนวนหลักทรัพย์ที่เสนอขายในครั้งนี้มีจำนวนจำกัด ซึ่งวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ อาทิ ค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรม ค่าใช้จ่ายในการแปลภาษา พิสูจน์อักษร และเกลาสำนวน เป็นต้น และเป็นเงินลงทุนเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม
โดยบริษัทประกอบธุรกิจจำหน่ายวรรณกรรมออนไลน์ ประกอบด้วย นิยาย การ์ตูน และหนังสือ บริษัทได้พัฒนาแพลตฟอร์ม E-Commerce เพื่อใช้ในการจัดจำหน่ายสื่อบันเทิงออนไลน์ โดยมีช่องทางจัดจำหน่ายหลักผ่านเว็บไซต์ “Kawebook.com” และแอปพลิเคชั่น “Kawebook” ซึ่งมีงานวรรณกรรมออนไลน์ที่หลากหลาย ประกอบด้วยนิยาย การ์ตูนและหนังสือออนไลน์ โดยมีทั้งในส่วนที่เป็นวรรณกรรมแปลจากต่างประเทศ อาทิ ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น และวรรณกรรมจากผู้เขียนภายในประเทศ
สำหรับงานวรรณกรรมของบริษัทค่อนข้างมีความหลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันของรสนิยมในการอ่าน จำแนกลักษณะเนื้อหา ดังนี้ งานวรรณกรรมหมวดรัก, งานวรรณกรรมประเภทหมวดมันส์ ได้แก่ เนื้อหาหลักในเชิงผจญภัย กำลังภายใน แฟนตาซี เกมออนไลน์ แอคชั่น ไซไฟ, ส่วนงานวรรณกรรมประเภทหมวดลุ้น ได้แก่ เนื้อหาหลักในเชิงสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญ เนื้อหาลึกลับชวนติดตาม การเดินทางย้อนยุคข้ามเวลา เป็นต้น และงานวรรณกรรมประเภทหมวดทั่วไป งานวรรณกรรมประเภทเรื่องสั้น และ ธรรมมะ
โดยโครงการในอนาคต บริษัทมีแผนการลงทุนเพื่อเพิ่มจำนวนลิขสิทธิ์ของบริษัท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อลิขสิทธิ์ ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ ค่าใช้จ่ายในการแปลภาษา พิสูจน์อักษร และเกลาสำนวน ค่าใช้จ่ายในการขยายทีมบรรณาธิการ เพื่อเพิ่มจำนวนสินค้า ไลน์สินค้า และช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถทำรายได้มากขึ้น และมีแผนการลงทุนเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้การเข้าใช้งาน ประสบการณ์ในการเข้าใช้งาน รวมถึงการขยายเว็บไซต์ในอนาคตสามารถทำได้ง่ายขึ้น พร้อมต่อการขยายตัวเพื่อรองรับทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศที่มากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท เป็นทุนเรียกชำระแล้ว 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO แล้ว บริษัทจะมีทุนชำระแล้วเต็มจำนวน แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 270 ล้านหุ้น ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ประกอบด้วย บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ถือหุ้น 102 ล้านหุ้น คิดเป็น 51% หลังเสนอขาย IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 37.78%, นายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ถือหุ้น 90 ล้านหุ้น คิดเป็น 45% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 33.33%
สำหรับผลประกอบการในช่วงปี 2561 ถึง 2563 บริษัทมีรายได้ 42.52 ล้านบาท, 73.49 ล้านบาท และ 78.42 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้ปรับเพิ่มขึ้นตามความสำเร็จในการจำหน่ายงานวรรณกรรมในหมวดมันส์ และมีจำนวนฐานของสมาชิกที่ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจำนวนงานวรรณกรรมที่บริษัทซื้อลิขสิทธิ์และวรรณกรรมของนักเขียนภายในประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในปี 2563 บริษัทยังเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังเว็บไซต์ประทศเพื่อนบ้าน จึงส่งผลให้สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายได้มากขึ้นเป็นปัจจัยสนับสนุน
ด้านกำไรสุทธิในปี 2561 ถึง 2563 เท่ากับ 12.44 ล้านบาท, 14.05 ล้านบาท และ 15.11 ล้านบาท ตามลำดับ สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการจำหน่ายวรรณกรรมที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลัก อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 54.78%, 54.73% และ 55.44% ตามลำดับ ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 28.31%, 17.67% และ 18.37% ตามลำดับ
ขณะที่งวด 3 เดือนแรกปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการบริการเท่ากับ 21.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 17.35 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.65 ล้านบาท ลดลงจาก 3.96 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือ 15.94% จาก 21.93% โดยวันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 143.86 ล้านบาท หนี้สินรวม 37.55 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 106.31 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับงบการเงินรวมและหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้ และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานตามปกติของบริษัท อย่างมีนัยสำคัญ