“ซีพี” หนุนเอกชนซื้อ “วัคซีน” ทางเลือก-เร่งเจรจานำเข้า หวังลดภาระภาครัฐ
"ซีพี" ย้ำจุดยืนสนับสนุนแนวทางการนำเข้าวัคซีนทางเลือกทั้ง ซิโนฟาร์ม,ไฟเซอร์,โมเดอร์นา และวัคซีนอื่นๆควรมีการเร่งเจรจานำเข้า ซึ่งจะไม่มีการเก็บเงินกับผู้รับวัคซีนและไม่มีการนำไปจำหน่ายต่อ โดยถือว่าช่วยลดภาระงบภาครัฐ
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ความชัดเจนของการนำเข้าวัคซีนทางเลือกมีมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากวัคซีนโมเดอร์นา ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และล่าสุด ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แถลงความคืบหน้าเตรียมนำเข้าวัคซีนทางเลือกของซิโนฟาร์มจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้เห็นโอกาสในการนำเข้าวัคซีนทางเลือกซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์เห็นด้วยและสนับสนุนแนวทางดังกล่าว
โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปิดโอกาสให้มีวัคซีนทางเลือกและเป็นโมเดลที่ดีที่มีหน่วยงานเป็นตัวแทนภาครัฐจัดซื้อวัคซีนทางเลือก เพื่อให้ภาคเอกชนที่มีกำลังซื้อเข้ามาดีลและดำเนินการตามข้อกำหนด เพราะขณะนี้วัคซีนโควิดยังเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งการขยายวิธีการนำเข้าวัคซีนชนิดอื่นในลักษณะนี้จะเพิ่มโอกาสให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนที่หลากหลายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และทำให้การกระจายวัคซีนวัคซีนของประเทศไทยมีความยืดหยุ่นกว่าการมีวัคซีนหลักเพียงสองชนิดคือแอสตราเซเนกาและซิโนแวคเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันจากสถานการณ์ความต้องการวัคซีนทั่วโลกที่มีมากขึ้น วัคซีนทางเลือกคือคำตอบที่จะช่วยให้โลกนี้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด โดยจะเห็นได้ว่าวัคซีนซิโนฟาร์ม ซึ่งต้องฉีด 2 โดส ได้รับการอนุมัติใช้แล้วใน 42 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีการใช้มากเป็นอันดับ 4 รองจากวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่ใช้ใน 166 ประเทศ วัคซีนซิโนแวค ที่ใช้ใน 25 ประเทศ วัคซีนไฟเซอร์-บิออนเทค ที่ใช้ใน 94 ประเทศ และวัคซีนโมเดอร์นา ที่ใช้ใน 46 ประเทศ ซึ่งการเข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็วและหลากหลายถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก
โดย เครือเจริญโภคภัณฑ์มองว่า ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และวัคซีนทางเลือกอื่นๆ ควรมีการเร่งเจรจานำเข้า ซึ่งยึดจากโมเดลที่ทำสำเร็จแล้วเพื่อให้สามารถเพิ่มปริมาณนำเข้าอย่างรวดเร็วตอบสนองความต้องการวัคซีนในประเทศ
อย่างไรก็ดี เครือเจริญโภคภัณฑ์มีจุดยืนสนับสนุนแนวทางการนำเข้าวัคซีนทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นซิโนฟาร์มที่กำลังดำเนินการอยู่ หรือ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และวัคซีนอื่นๆที่อยู่ในขั้นตอนการอนุมัติ ซึ่งในฐานะภาคเอกชนต้องการให้มีวัคซีนทางเลือกโดยเร็ว
ทั้งนี้เอกชนยินดีใช้ทุนทรัพย์ของตนเอง เพื่อนำไปจัดฉีดให้แก่บุคลากร พนักงาน ครอบครัวพนักงาน หรือกลุ่มคนขององค์กร โดยไม่มีการเก็บเงินกับผู้รับวัคซีนแต่อย่างใดและไม่มีการนำไปจำหน่ายต่อ คาดว่าจะทำให้การเข้าถึงวัคซีนมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นและถือเป็นการลดภาระงบประมาณภาครัฐอีกด้วย