TM เพิ่มไลน์ธุรกิจ ลุยสร้าง “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ-รพ.เฉพาะทาง” ครบวงจร

TM เดินเกมรุกธุรกิจ เพิ่มไลน์ธุรกิจสร้าง “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ- รพ.เฉพาะทาง “ แบบควรวงจร ภายใต้โครงการ "THE PARENTS" ยกระดับศูนย์กลางทางการแพทย์


นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM เปิดเผยว่า บริษัทฯเดินหน้าปรับกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจ เพื่อมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีความเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

โดยล่าสุดได้เพิ่มไลน์ธุรกิจสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ภายใต้โครงการ “THE PARENTS” ซึ่งเป็นการดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด (TMNC) โดย TM ถือหุ้นสัดส่วน 80% และ 20% เป็นกลุ่มแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 450 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคาร 2 แห่ง ประกอบด้วยอาคาร Nursing Home และอาคาร Rehabilitation Hospital สามารถรองรับกับผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้ทั้งสิ้น 150 เตียง เพื่อรับดูแลผู้สูงอายุทุกภาวะ และโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น การกายภาพฟื้นฟู, การดูแลผู้สูงอายุ และดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต

ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ ประมาณช่วงปลายปี 2566 ซึ่งหากแผนขยายธุรกิจดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมาย จะส่งผลให้บริษัทฯทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้เข้ามาเฉลี่ย 100 ถึง 150 ล้านบาทต่อปี โดยรายได้ดังกล่าวเข้ามาชัดเจนตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป โดยธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง จะสามารถส่งเสริมให้เกิดการประโยชน์ร่วมกัน โดยทาง TM จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทางการแพทย์ให้กับ TMNC ส่งผลให้รายได้ของ TM จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย ให้กับ TMNC ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯในระยะยาว

นอกจากนี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เทคโนเมดิคัล เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในปี 2565 เนื่องจากมีจำนวนประชากรคนไทยที่มีอายุมากกว่า 65 ปีเกิน 20% ของประชากรทั้งหมด และหากนับจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมดจะพบว่าสัดส่วน 1.5% คิดเป็น 180,000 คนเป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสถานที่ที่ได้รับมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น บริษัทฯจึงเร่งเดินหน้าจัดตั้งโรงเรียนเพื่อผลิตนักเรียนการบริบาลขึ้นเอง ซึ่งเป็นศูนย์อบรมบุคลากรเพื่อพัฒนาทักษะให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน (Home Care)

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ยังคงมีความต้องการบุคคลากรดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากแผนกลยุทธ์นอกจากจะตอกย้ำการเป็นผู้นำการจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์แล้ว ยังเป็นการยกระดับที่มุ่งสู่การพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร

พร้อมกันนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์มาจากสารสกัดสมุนไพร จากยอดต้นข้าว ซึ่งเป็นการร่วมมือกับสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ช่วยบำรุงไตและมีคุณสมบัติช่วยให้พักผ่อนนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคาดการณ์ว่าจะเริ่มจำหน่าย ภายในไตรมาส 3/2564 ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายตามร้านค้าออนไลน์และร้านสะดวกซื้อ 7-11 และร้านขายยา

โดยเบื้องต้นบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเเพทย์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ยังมีความต้องการต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯประเมินว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะโดดเด่นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯประเมินอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 2564 นี้ไว้ที่ระดับ 650 -700 ล้านบาท พร้อมทั้งจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่าปี 2563 ที่อยู่ระดับ 6.48%

สำหรับไตรมาส 2/2564 มองว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่มีรายได้รวม 146.38 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯได้ดำเนินการปรับแนวทางบริหารสินค้าใหม่ ด้วยการเพิ่มคำสั่งซื้อเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการผลิตภัณฑ์และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ทางการแพทย์ภายในประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเเพทย์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจากความต้องการดังกล่าวสนับสนุนให้ยอดขายในไตรมาสดังกล่าวอยู่ในทิศทางเชิงบวก

Back to top button