EPG ปักธงรายได้ปี 64/65 โต 15% รับทุกธุรกิจสดใส วางงบ 840 ลบ. ต่อยอดการผลิต-ทำดีล M&A
EPG ปักธงรายได้ปี 64/65 (1 เม.ย.64-31 มี.ค.65) เติบโต 12-15% รับทุกธุรกิจสดใส พร้อมวางงบ 840 ลบ. ต่อยอดการผลิต และทำดีล M&A-JV
นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายงวดปีบัญชี 2564/2565 (1 เม.ย.64-31 มี.ค.65) เติบโต 12-15% มาที่ 10,700-11,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 9,569.2 ล้านบาท
ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 29-32% จากการมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของบริษัท สร้างสรรค์สินค้าตอบรับกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) พร้อมกับบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้กลยุทธ์ Capacities Driven และขยายตลาดในต่างประเทศให้สอดรับกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด รวมถึงดำเนินตามนโยบาย USE ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 12% จากการมุ่งเน้นทำการตลาดสำหรับสินค้าพรีเมียมเป็นหลักทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐ และญี่ปุ่น รวมถึงขยายฐานการผลิตโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐ จะนำเครื่องจักรระบบอัตโนมัติความเร็วสูงมาใช้ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คาดว่าจะเริ่มทดสอบการผลิตได้เดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 เท่าของกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกา หรือมาอยู่ที่ 8,000 ตัน/ปี เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต สอดรับกับปัจจัยสนับสนุนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ มุ่งหน้าสู่การฟื้นฟูประเทศ การอัดฉีดงบประมาณช่วยฟื้นฟูตลาดแรงงาน สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงภาคธุรกิจเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างอีกด้วย
ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 20-23% จากได้รับปัจจัยบวกอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สินค้ากลุ่มชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ของ Aeroklas ปรับตัวดีขึ้นตามอุตสาหกรรมฯ อีกทั้ง Aeroklas ยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับลูกค้ากลุ่ม OEM ค่ายยานยนต์ของยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้ช่องทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Aeroklas ประกอบด้วยลูกค้ากลุ่ม OEM ODM และ After Market ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนธุรกิจในออสเตรเลีย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการยานยนต์ประเภท Light Commercial Vehicle และ SUV ในออสเตรเลีย ปรับสูงขึ้นจากปีก่อน รวมถึงธุรกิจ TJM มีแผนเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ทั้งในออสเตรเลียและเอเชียแปซิฟิค ด้วยการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ สร้างความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดจำหน่าย และเสริมสร้าง Synergy ภายในกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเห็นผลงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นปัจจัยสนับสนุนธุรกิจในออสเตรเลียให้เติบโตอย่างโดดเด่นในปีบัญชีนี้
สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP คาดว่าจะเติบโตได้ราว 5-8% เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งโครงการเราชนะ, คนละครึ่ง เป็นต้น ได้เข้ามาช่วยหนุนการเติบโต ประกอบกับการยกเลิกการใช้กล่องโฟมบรรจุอาหาร ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กล่องบรรจุอาหารของบริษัทมีความต้องการใช้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการนำกลยุทธ์ Capacities Driven มาบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังคงทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนา ทำให้ EPP สร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์นวัตกรรมได้หลากหลายชนิดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและการใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปีบัญชี 2564/2565 รวม 840 ล้านบาท แบ่งเป็น Aeroflex 175 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบลงทุนต่อเนื่อง เพื่อสร้างฐานการผลิตโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐฯ, Aeroklas 245 ล้านบาท และ EPP 120 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเครื่องจักรและใช้ปรับปรุงไลน์การผลิต อีกทั้งยังได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการลงทุนซื้อกิจการ (M&A) และร่วมลงทุน (Joint Venture) ไว้ที่ 300 ล้านบาท ในธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดการเติบโตของ 3 ธุรกิจหลัก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ