“จิตตะ เวลธ์” แนะ จัดพอร์ตตามหลัก “MPT” กระจายสินทรัพย์-ความเสี่ยง ด้วยเทคโนโลยีระดับโลก
“บลจ.จิตตะ เวลธ์” แนะนำ จัดพอร์ตตามหลัก MPT กระจายสินทรัพย์และกระจายความเสี่ยง ด้วยเทคโนโลยีระดับโลก รับกระแสตลาดผันผวน และ GLOBAL ETF สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ทุกแผน และสร้างผลตอบแทนสูงกว่าคาดการณ์ไว้
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนไหวผันผวนในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ หุ้นเทคโนโลยี ที่ราคาพุ่งแรงเมื่อปีที่แล้ว จึงเกิดแรงเทขายทำกำไรออกมาในช่วงต้นปี กดดันดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศให้ร่วงลงจากการที่มีมาร์เก็ตเเค็ปขนาดใหญ่ ในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ เช่น หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock) หุ้นคุณค่า (Value Stock) และหุ้นที่ราคาปรับขึ้นช้า (Laggard Stock) เป็นขาขึ้นตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
นอกจากนี้ จากการที่ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯ (Bond Yield) เติบโตขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ในตลาดเป็นขาลง ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ ราคา ETF ที่ลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มนี้จึงลดลงตามไปด้วย
“จะเห็นได้ว่า การลงทุนในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากสำหรับนักลงทุนที่จะปรับพอร์ตลงทุนให้ทันท่วงที เพื่อรับมือความผันผวนที่เกิดขึ้นในสินทรัพย์ลงทุนต่างๆ อีกทั้ง ยังต้องเผชิญกับภาวะทางอารมณ์ที่จะต้องจัดการกับพอร์ตของตนเอง ซึ่งหากนักลงทุนพิจารณาเพียงแค่ผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมา โดยไม่ได้คิดถึงความเสี่ยงของสินทรัพย์นั้น เมื่อใดที่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ราคาสินทรัพย์ลดลงระยะสั้น นอกจากมูลค่าพอร์ตลงทุนติดลบแล้ว จิตใจก็ไม่สงบเช่นเดียวกัน” นายตราวุทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม Global ETF ของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งมีแนวคิดเน้นการลงทุนระยะยาว มีการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) และการกระจายความเสี่ยง (Diversification) ตามหลักการ Modern Portfolio Theory หรือ MPT ซึ่งนำมาใช้ในการจัดพอร์ตลงทุนใน ETF (Exchange Traded Fund) ระดับโลกที่มีคุณภาพดี 5 กอง จาก iShares และ Vanguard ลงทุนในพันธบัตรกับหุ้นกู้ (ความเสี่ยงต่ำ) และหุ้นบริษัทจดทะเบียน (ความเสี่ยงสูง) แบ่งการลงทุนในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ‘ตามความเสี่ยงที่รับได้ และ ‘ผลตอบแทนที่พึงพอใจ’ ผ่าน 3 แผน ได้แก่
1. แผนพอเพียง (สัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้ 80% หุ้น 20% คาดการณ์ผลตอบแทน 4% ต่อปี)
2. สมดุล (สัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้ 50% หุ้น 50% คาดการณ์ผลตอบแทน 6% ต่อปี)
3. เติบโต (สัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้ 20% หุ้น 80% คาดการณ์ผลตอบแทน 8% ต่อปี)
พร้อมทั้งทำการปรับพอร์ตลงทุนอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีระดับโลก เมื่อสัดส่วนสินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 5% เพื่อรักษาวินัยการลงทุน และได้ผลตอบแทนที่คาดหวัง โดยทั้ง 3 แผนนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ทุกแผนและสร้างผลตอบแทน 5 เดือนสูงกว่าคาดการณ์ไว้
สำหรับแผนสมดุลและเติบโต ซึ่งเป็นแผนการลงทุนที่มีการถ่วงน้ำหนักระหว่างหุ้นกับพันธบัตรมีสัดส่วนการลงทุนใน ETF หุ้นคุณภาพดีสูงถึง 50% และ 80% ตามลำดับ สามารถทำผลตอบแทน 5 เดือนแรกของปีนี้ได้ 7.74% และ 12.45% สูงกว่า 6% และ 8% ที่คาดหวังไว้ ในขณะที่แผนพอเพียงซึ่งมีสัดส่วนตราสารหนี้สูงถึง 80% ก็ไม่ติดลบ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนใน ETF ตราสารหนี้ 100% อีกทั้งการที่พอร์ตค่อนข้างเสถียรเนื่องจากมีการปรับพอร์ตอัตโนมัติ เมื่อตราสารหนี้ราคาปรับตัวลดลง ก็จะมีการขายทำกำไรหุ้นบางส่วนเพื่อมาช้อนซื้อตราสารหนี้ ส่งผลให้การลงทุนกลับมาอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมอีกครั้ง
โดยจากปัจจัยเรื่องของข่าวสารที่เข้ามากระทบโลกการลงทุน ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทั้งตราสารหนี้และหุ้นเป็นอย่างมาก เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นักลงทุนไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต จังหวะใดควรเข้าลงทุน ทำให้เมื่อลงทุนด้วยตนเอง ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่คาดหวังไว้
ทั้งนี้ เมื่อ Back Test ผลตอบแทนเฉลี่ย 10 ปี มีข่าวสารมากมายที่ส่งผลกระทบต่อโลกการลงทุน ทั้งตราสารหนี้และหุ้น แต่ทั้ง 3 แผนการลงทุนของ Global ETF ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว แนวทางนี้จะช่วยประคองพอร์ตลงทุนไม่ให้ขาดทุนหนัก และลดความผันผวนของผลตอบแทนได้ ส่งผลให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเผชิญความเสี่ยงใดๆ ก็ตาม และพอร์ตลงทุนสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
“ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต จังหวะไหนควรเข้าลงทุน ยากจะที่ทายถูกทุกครั้ง สิ่งที่นักลงทุนทำได้คือ ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ หรือ DCA (Dollar Cost Average) นั่นเอง เนื่องจากจะเฉลี่ยต้นทุนของพอร์ตได้แล้ว ยังเป็นการรักษาวินัยการลงทุน ในเมื่อจับจังหวะลงทุนยาก การลงทุนทุกช่วงเวลาของตลาดหุ้น คือ การกระจายความเสี่ยงที่ดี” นายตราวุทธิ์ กล่าวในตอนท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล Global ETF ของ Jitta Wealth สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jittawealth.com/global-etf หรือสอบถามได้ที่ โทร. 02-460-8888