ACE คงเป้ากำลังผลิตไฟแตะ 1 พันเมกฯ ลุยประมูลรฟฟ.ชุมชนกว่า 10 โครงการ
ACE เปิดเผยแผนดำเนินการในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) คงเป้ากำลังผลิตไฟแตะ 1 พันเมกฯ ลุยประมูลรฟฟ.ชุมชนกว่า 10 โครงการ ยันโควิดไม่กระทบการดำเนินงาน
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE นำเสนอข้อมูลสรุปผลประกอบการไตรมาส 1/2564 สิ้นสุด 31 มี.ค.2564 และเปิดเผยแผนดำเนินการในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 1 มิ.ย.2564
โดยเปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2564 ซึ่งบริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิที่ระดับ 360.33 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 39% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิที่ระดับ 593.55 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีต้นทุนขายและบริการ เพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนของโรงไฟฟ้าชีวมวล จากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่กลุ่มบริษัทฯซื้อเข้ามามาในไตรมาส 3/63 และต้นทุนของโรงไฟฟ้าขยะชุมชนจากโรงไฟฟ้าขยะกระบี่ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชยป์ลายเดือนธันวาคม 2563 อย่างไรก็ตามหากไม่รวมต้นทุนและค่าใช้จ่ายดังกล่าว กำไรขั้นต้นยังอยู่ที่ 36.2% สูงกว่าช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปัจจุบัน บริษัทยังคงเป้าเพิ่มกำลังผลิตแตะ 1,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 หลังจากได้ยื่นประมูลโรงไฟฟ้าขยะและโรงไฟฟ้าชุมชนมากกว่า 10 โครงการ แต่ยังคงรอการประกาศผลจากภาครัฐที่เลื่อนออกไปเป็นต้นเดือน ก.ค. จากเดิมกำหนดไว้ในวันที่ 21 พ.ค. เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 และ 3
“ผลกระทบโควิด-19 กระทบต่อบริษัทฯ น้อยมากเนื่องจากโรงไฟฟ้ากระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ดังนั้นความเสี่ยงที่จะทำให้โรงไฟฟ้าหยุดชะงักมีน้อยมาก อีกทั้งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้พนักงานน้อยมากส่วนใหญ่เป็นการใช้เครื่องจักร และเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ ผลกระทบจึงมีน้อยมาก” นายธนะชัย กล่าว
สำหรับโครงการประมูลโรงไฟฟ้าขยะ 2 โครงการที่ทางบริษัทได้รับคัดเลือกใน จ.อุดรธานี และ จ.นครราชสีมา มีกำลังการผลิตติดตั้งแห่งละ 9.9 เมกะวัตต์ หากได้รับสัญญา PPA ตามที่คาดไว้คือ 5.78 บาท/หน่วย จะช่วยเพิ่มรายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับบริษัทอีกปีละประมาณ 380 ล้านบาท/โครงการ ยังไม่รวมค่าจำกัดขยะจากท้องถิ่นอีกส่วนหนึ่ง โดยยังคงต้องรอสัญญา PPA จากนั้นจึงจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ ซึ่งหากเทียบเคียงกับโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.กระบี่ จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 10 เดือน
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 65% คาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในปีนี้
ด้านโรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 26.9 เมกะวัตต์ ที่ได้ซื้อมาจาก บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC นั้น แม้ในช่วงที่ผ่านมายังมีกำลังผลิตได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากมีการปิดและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร แต่จะสามารถดำเนินการผลิตแบบเต็มกำลังได้ในไตรมาส 3/64 นี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทลดต้นทุนทางด้านเชื้อเพลิง โดยเลือกใช้เตาเผาที่สามารถเผาเชื้อเพลิงได้หลายชนิด (Mix fuel) ในทุกโรงไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงใดเป็นหลัก สามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิงที่มีความชื้นน้อย เช่น แกลบ ไปจนถึง เชื้อเพลิงที่มีความชื้นสูง เช่น เปลือกไม้ หรือทลายปาล์ม
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.กระบี่ ที่เคยซื้อน้ำประปาเข้ามาใช้ภายในโรงไฟฟ้า ปัจจุบันได้ดำเนินการผลิตน้ำใช้ในโรงไฟฟ้าเอง ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนอีกช่องทางหนึ่งอีกด้วย