3 โบรกฯ เชียร์ซื้อ CK ชี้รับโครงการใหญ่ดัน Backlog แตะแสนล้าน-ปี 65 ฟื้นตัวแกร่ง
3 โบรกฯ แนะซื้อ CK คาดการณ์ เป้าสูงสุด 29.20 บาท มีโอกาสฟื้นตัวจากโครงการใหญ่ที่ทยอยออกมาช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ Backlog แตะแสนล้านบาทภายในปี 2565 ขณะที่มองว่าผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว
นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เป็นบริษัทจะก้าวไปสู่ S-Curve ใหม่ หลังจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมางานในมือ (Backlog) ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยปัจจุบันมี Backlog อยู่ 30,816 ล้านบาท แต่จากนี้ไปโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐทยอยออกมาส่งผลให้ CK มีโอกาสกลับมามี Backlog แตะระดับแสนล้านบาท เริ่มจากปีนี้ที่ CK ร่วมกับ STEC เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดโครงการทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 2 สัญญา รวม 4.6 หมื่นล้านบาท โดยคาดการณ์ว่า CK มีสัดส่วนร่วมทุนเกิน 50%
นอกจากนี้ ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ คาดการณ์ว่าจะเปิดประมูลในไตรมาส 3/2564 มีมูลค่างานโยธา 8.9 หมื่นล้านบาท และมีงานติดตั้งระบบเดินรถ 2.7 หมื่นล้านบาทรวม 1.16 แสนล้านบาท ซึ่ง CK ค่อนข้างมั่นใจสูงว่าจะได้รับงานโครงการนี้ เพราะมีประสบการณ์งานใต้ดิน รวมทั้งมีงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่มีงานโยธามุลค่า 9.6 หมื่นล้านบาท งานติดตั้งระบบเดินรถ 3.1 หมื่นล้านบาท รวม 1.27 แสนล้านบาท คาดการณ์ว่าประมูลในไตรมาส 3/2564 เช่นกัน
ทั้งนี้ ยังมีงานเขื่อนหลวงพระบางที่ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม CK เป็นเจ้าของงาน มีมูลค่างาน 8.5 หมื่นล้านบาท คาดการณ์ว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3/2564 ทั้งสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) สัมปทานจากรัฐบาลประเทศลาว สัญญาเงินกู้ และสัญญาก่อสร้าง โดยปีนี้คาดการณ์ว่ามีกำไรสุทธิ 976 ล้านบาท เติบโต 60% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 612 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ที่มีผลประกอบการดีขึ้นตามปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ส่วน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เชื่อจะทยอยฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2564 หล้งเริ่มทยอยเปิดเมือง โดยแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 22 บาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แนวโน้มผลประกอบการ CK ในไตรมาส 2/2564 กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2564 มีแนวโน้มจะชะลอตัว เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า จากปัจจัยรายได้เงินชดเชยที่ได้บันทึกในไตรมาส 1/2564 จำนวน 383 ล้านบาท และรายได้จากการดำเนินงานที่ยังคงทรงตัว เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า แม้เริ่มรับรู้รายได้ในงานอุโมงค์ระบายน้ำในไตรมาส 2/2564
ขณะที่ เทียบงวดเดียวกันจากปีก่อนหน้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากรายได้จากบริษัทร่วมที่ฟื้นตัวดีขึ้นทั้งจาก BEM และ CKP เนื่องจากการ Lockdown ในปี 2563 ที่กดดันรายได้ของ BEM แต่ปีนี้ไม่มีการล็อกดาวน์ และปริมาณน้ำสะสมที่เพิ่มขึ้นหนุนรายได้ต่อ CKP โดยในไตรมาส 1/2564 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเพิ่มขึ้น 17.0% เทียบงวดเดียวกันจากปีก่อนหน้า ในครึ่งหลังปี 2564 ทยอยฟื้นตัวจาก Backlog บริษัทคาดการณ์ว่าหมายการฟื้นตัวของรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจาก Backlog ที่จะทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป
โดยล่าสุดบริษัทได้รับงานอุโมงค์ระบายน้ำเพิ่มเข้ามามูลค่า 4.6 พันล้านบาท และงานรถไฟทางคู่ที่บริษัทได้ร่วมประมูลกับ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC และได้เป็น Lowest price จำนวน 2 สัญญา มูลค่าราว 4.6 หมื่นล้านบาท รวมไปถึงงานรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโรงไฟฟ้าหลวงพระบางภายในปี 2564 ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่า Backlog รวมปี 2564 อยู่ที่ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบัน Backlog ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 3.08 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลประกอบการปี 2564 คาดการณ์ว่าผลประกอบการกำไรสุทธิของปี 2564 อยู่ที่ 1,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.9% เทียบงวดเดียวกันจากปีก่อนหน้า จากรายได้บริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของ BEM และปริมาณน้ำสะสมที่ช่วยหนุน CKP และรายได้จากการดำเนินงานที่เริ่มฟื้นตัวจาก Backlog ที่เพิ่มขึ้นตามงานที่เข้ามา ซึ่งคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2564 อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท
โดย “ฝ่ายวิจัย” มีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการในปี 2565 จาก Backlog ที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวค่อนข้างสูง และผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29.20 บาท โดยมีความเสี่ยงหลักในเรื่องของการเลื่อนประมูลงานของภาครัฐ
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์คาดการณ์ว่า CK มีงานในมือเพิ่มขึ้นใน 2564 และจะหนุนผลประกอบการปี 65 ซึ่งตามคาดการณ์ว่า CK เริ่มมีการชนะการประมูลเพิ่มขึ้น โดยงานอุโมงค์ระบายน้ำ ได้ประกาศผู้ชนะตามด้วยรถไฟรางคู่ (เด่นชัย-เชียงของ) และคาดการณ์ว่างานในมือปีนี้จะเพิ่มขึ้นต่อในอนาคตจากการขยายตัวของงานในมือ และเป็นปัจจัยบวกสำหรับปี 2565
โดยปัจจุบัน CK มีงานในมือ 3.08 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 2.62 หมื่นล้านบาทในสิ้นไตรมาส 1/2564 หลังจากเซ็นสัญญางานอุโมงค์ระบายน้ำมูลค่า 4.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ CKST (บริษัทร่วม CK-STEC) เป็นผู้ประมูลราคาต่ำสุดของงานรถไฟรางคู่สัญญาที่ 2 และ 3 มูลค่า 2.69 หมื่นล้านบาท และ 1.94 หมื่นล้านบาทตามลำดับ คาดการณ์ว่าจะเซ็นสัญญาในเดือนกรกฎาคม
นอกจากนี้ ยังมีงานที่รอประมูลอีกหลายโครงการ เช่น เขื่อนหลวงพระบางในลาวมูลค่า 9 หมื่นล้านบาทคาดการณ์ว่าเซ็นปีนี้ และสายสีส้มและม่วงคาดการณ์ว่าช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ปี 2564 พร้อมคาดการณ์ว่างานในมือสิ้นปีจะเพิ่มขึ้นเกิน 1 แสนล้านบาท รายได้จากการก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2/2564 จะคงที่ เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า แต่จะมีรายได้จากเงินปันผลของ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW เข้ามาสนับสนุน และการดำเนินงานหลักไม่รวมรายการพิเศษจะยังเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ในช่วงไตรมาส 2/2564 ด้านการก่อสร้างโครงการใหม่จะเริ่มในไตรมาส 3/2564 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง จากงานใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและหนุนปี 2565 ถึง 2566 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท