NRF พุ่งกระฉูดเกือบ 7% ผบห.คาดผลงาน Q2 โตแรง รับยอดขายนิวไฮ!

ราคาหุ้น NRF พุ่งกระฉูดเกือบ 7% แตะระดับ 11.20 บาท ฟากผู้บริหารมองผลงาน Q2 โตแรง รับยอดขายนิวไฮ!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF วันที่ 4 มิ.ย.2564 ณ เวลา 10.16 น. อยู่ที่ระดับ 11.20 บาท ปรับตัวขึ้น 0.70 บาท หรือ 6.67% สูงสุดที่ระดับ 11.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 351.85 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 10.10 บาท เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2564

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF นำเสนอข้อมูลสรุปผลประกอบการไตรมาส 1/2564 สิ้นสุด 31 มี.ค.2564 และเปิดเผยแผนดำเนินการในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 1 มิ.ย.2564

โดยมองแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2564 จะดีกว่าไตรมาสแรกอย่างมีนัยสำคัญ และดีกว่าช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ยาวไปจนถึงไตรมาส 3/2564 ขณะโควิด-19 ระลอกใหม่ยังไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานโดยตรง เนื่องจากออเดอร์สินค้ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้แตะ 3,000 ล้านบาทภายในปี 2567 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถทำได้เร็วกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้จากกระแสความนิยมด้าน Plant-Based Food ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค รวมไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ ซึ่งเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติและมีงบในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสหรัฐอมเริกา ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ สัดส่วนประมาณ 40-45%

ด้าน บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” หุ้น NRF ด้วยราคาเป้าหมายพื้นฐานปี 2565 ที่ 11.20 บาท โดยราคาหุ้นสมควรปรับตัวเพิ่มขึ้นรับการฟื้นตัวของกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วคาดในไตรมาส 2 ปี 2564 และการเติบโตของธุรกิจอาหารที่ทำจากพืช

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 เป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดแล้ว เบื้องต้นประมาณการกำไรหลักในไตรมาส 2 ปี 2564 เติบโตที่ประมาณ 40-45% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ด้วยสมมติฐานค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เป็นจำนวนเงินที่ทรงตัว

รวมทั้งคาดยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2564 (เพิ่มขึ้นราว 60% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 10% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ทำให้เกิดแรงหนุนจากการประหยัดขนาด โดยยอดขายคาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติกาลในไตรมาส 2 ปี 64 จะมีแรงหนุนจากยอดขายธุรกิจอาหารพื้นเมืองที่จัดส่งล่าช้า (เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน), ยอดขายธุรกิจ e-commerce จากส่วนแบ่งของ Prime Labs ที่เข้ามาเต็มไตรมาส, ยอดขายธุรกิจสินค้า functional และยอดขายธุรกิจอาหารที่ทำจากพืช โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนที่ 32.5% ได้ในไตรมาส 2 ปี 2564 เพิ่มขึ้น170bps เมื่อเทียบจากปีก่อน

สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ผลการดำเนินงานของธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น เนื่องจากยอดขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 10% เมื่อเทียบจากครึ่งปีแรก คาดว่ายอดขายจะทาสถิติใหม่ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 3 ปี 2564 และไตรมาส 4 ปี 2564 ธุรกิจอาหารที่ทาจากพืชในสหราชอาณาจักรจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 และคาดว่าจะมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชาและกัญชงในไตรมาส 4 ปี 64

Back to top button