“ไบเดน” สานต่อ “ทรัมป์” สั่งแบนบริษัทจีน 59 แห่ง ห้ามลงทุนในสหรัฐฯ มีผล 2 ส.ค.นี้ !

ปธน.ไบเดน สานต่อนโยบายของอดีต ปธน.โดนัลด์ทรัมป์ สั่งแบนบริษัทจีน 59 แห่งห้ามลงทุนในสหรัฐฯ มีผล 2 ส.ค. 64 เวลา 00.01 น. ตามเวลานิวยอร์ก ซึ่งนักลงทุนมีเวลา 1 ปีเพื่อถอนการลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานาธิบดีโจไบเดนแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในคำสั่งห้ามบริษัทจีน 59 แห่งลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการสานต่อมาตรการเดิมที่ริเริ่มในสมัยของอดีตปธน.โดนัลด์ทรัมป์ โดยมีการสั่งห้ามบริษัทจีนจำนวน 59 แห่งที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีนหรือในอุตสาหกรรมการเฝ้าระวัง ซึ่งรวมถึงบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี และบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน 3 แห่ง

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2สิงหาคม 2564 เวลา 00.01 น. ตามเวลานิวยอร์ก โดยนักลงทุนมีเวลา 1 ปีเพื่อถอนการลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ

โดยบริษัทหลายแห่งในคำสั่งแบนของปธน.ไบเดนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นชุดเดียวกับที่มีคำสั่งแบนในสมัยของอดีตปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้แก่ บริษัทไชน่าโมบายล์, ไชน่ายูนิคอม และไชน่าเทเลคอม
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอุตสาหกรรมการบินแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่ภายใต้กองทัพจีนได้แก่ ไชน่า นอร์ธอินดัสทรีส์, ไชน่า เอโรสเปซซายน์แอนด์อินดัสทรีคอร์ปอเรชัน และไชน่า ชิปบิลดิ้งอินดัสทรี โค

ขณะเดียวกัน บริษัทฮิควิชัน ดิจิทัล เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้พัฒนากล้องวงจรปิดและระบบจดจำใบหน้าชื่อดังของจีน ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในรายชื่อคำสั่งแบนของสหรัฐฯ โดยฮิควิชันได้ช่วยรัฐบาลจีนจัดทำโครงการ “เมืองปลอดภัย” ในซินเจียง ซึ่งกำลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อยอุยกูร์

สำหรับคำสั่งของปธน.ไบเดนส่วนใหญ่ต่อเนื่องมาจากนโยบายที่ออกมาในยุคของอดีตปธน.ทรัมป์ ซึ่งสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับขอบเขตในการลงทุน เนื่องจากบริษัทที่ถูกสั่งแบนนั้นยังมีบริษัทในเครืออื่น ๆ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและรัฐสภาสหรัฐฯได้เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งต่อจีนในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ประเด็นการค้าไปจนถึงประเด็นสิทธิมนุษยชน

Back to top button