“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ วิตก “เฟด” ขึ้นดบ.เร็ว กระทบศก.ฟื้นช้า
“ตลาดหุ้นเอเชีย” เปิดลบตาม “ดาวโจนส์” ที่ปิดตัวร่วงกว่า 500 จุดเมื่อวันศุกร์ วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาการประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี และประเภท 5 ปีของธนาคารกลางจีน (PBOC) ในช่วงเช้าวันนี้
โดยดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,515.50 จุด ลดลง 9.60 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,506.84 จุด ร่วงลง 457.28 จุด หรือ -1.57% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,501.64 จุด ลดลง 299.63 จุด หรือ -1.04%
ทั้งนี้ นักลงทุนพากันเทขายหุ้นออกมาหลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า โดยนายบูลลาร์ดเปิดเผยว่า เขาเป็นกรรมการเฟด 1 ใน 7 รายที่คาดว่า เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
“ผมคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่จะพุ่งแตะ 3% ในปีนี้ และจะอยู่ที่ 2.5% ไปจนถึงปี 2565 โดยสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด” นายบูลลาร์ด กล่าว
นายบูลลาร์ด ระบุว่า การที่เฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในสัปดาห์นี้นั้น ถือเป็นการรับมือตามปกติต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะต่อเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่สหรัฐเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหลังจากประกาศล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในสัปดาห์ที่ผ่านมา กรรมการเฟดจำนวน 13 จาก 18 รายคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยส่งสัญญาณในเดือนมี.ค.ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566
ด้านนักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า บรรดานักลงทุนวิตกว่า หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดเพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี ไว้ที่ระดับ 3.85% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ไว้ที่ระดับ 4.65% ในวันนี้ โดยธนาคารกลางจีนได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยทั้งสองประเภทติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 และเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีถือเป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง