7UP ปิดกระฉูด 9% หลังเดินหน้าซื้อ GS เพิ่ม คาด “Phuket Sandbox” หนุนภูเก็ตใช้น้ำประปาพุ่ง

7UP ปิดพุ่ง 9% หลังเดินหน้าซื้อหุ้น GS เพิ่ม 40% มองโอกาสได้รับสัญญาซื้อขายน้ำประปาภูเก็ตเพิ่มกว่า 40,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 64 หลังคาด “Phuket Sandbox” หนุนใช้น้ำประปาพุ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (23 มิ.ย.64) ราคาหุ้น บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP ปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1.97 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 8.84% โดยทำจุดสูงสุดที่ 2.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 1.79 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 963.10 ล้านบาท ทั้งนี้ด้วยราคาเปิดตลาด 1.79 บาท โดยราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 2.00 บาท และราคาต่ำสุด 1.79 บาท

โดย นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 7UP เปิดเผยว่า การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น 7UP มองเป็นผลมาจากการที่ 7UP ได้ขยายธุรกิจไปยังด้านสาธารณูปโภคที่มีผลตอบแทนน่าสนใจส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาสนใจหุ้น 7UP มากขึ้น

“หลังจากที่เราปรับแผนขยายธุรกิจมายังด้านสาธารณูปโภค ที่มีผลตอบแทนในเกณฑ์ที่ดี และนักลงทุนเข้าใจมากขึ้น ทำให้นักลงทุนเข้ามาสนใจมากขึ้น ซึ่งเราตั้งใจทำงานให้เกิดขึ้นก็น่าจะเป็นหลายๆ ปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนการปรับขึ้นของราคา” นายมนต์เทพ กล่าว

ทั้งนี้ 7UP ได้ปรับแผนขยายธุรกิจด้านสาธารณูปโภคเพราะให้ผลตอบแทนที่ดีโดยตัดสินใจเข้าลงทุนในโครงการผลิตน้ำประปาจังหวัดภูเก็ตของ บริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด (GS) ด้วยการซื้อหุ้น 40% จาก บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD ส่งผลให้ 7UP ถือหุ้นใน GS เพิ่มเป็น 81% จากก่อนหน้าชะลอการลงทุนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดระยะแรก โดย 7UP คาดว่าจะรับรู้รายได้จาก GS เข้ามาเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 และจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มไตรมาสในไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป

สำหรับปัจจุบัน GS มีกำลังการผลิตน้ำประปา 48,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และคาดว่าจะได้รับสัญญาขายน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ตมากกว่า 40,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2564 นี้ โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังจะคลี่คลายลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากการกระจายวัคซีนเพิ่มขึ้น และจะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่าน Phuket Sandbox ซึ่งจะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้น้ำในภูเก็ตปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ GS อยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเติมเพื่อให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยภายในปี 2566 หากก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนและรับรู้รายได้เต็มปี จะสามารถสร้างรายได้ราวปีละ 600 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจด้านสาธารณูปโภคอยู่ในระดับสูงกว่า 50%

ส่วนผลประกอบการของ 7UP จะกลับมาเป็นปกติในตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป หลังจาก 7UP ได้มีการจัดโครงสร้างภายในแล้วเสร็จ ซึ่งต่อจากนี้ 7UP จะเน้นขยายกิจการไปด้านสาธารณูปโภคเป็นหลักโดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับน้ำในภาคใต้ที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวเป็นหลัก

Back to top button