น้ำมันดิบปิดบวกหลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) หลังมีรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไป
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.8% ปิด (25 ก.ย.) ที่ 45.7 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 48.6 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนหลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการข้อมูลด้านพลังงานของสหรัฐ ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง 4 แห่ง สู่ระดับ 640 แห่งในสัปดาห์นี้ ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 454 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 462,000 บาร์เรล สู่ระดับ 54 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ EIA คาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของสหรัฐในปี 2558 จะอยู่ที่ 9.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะลดลงสู่ระดับ 8.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2559 ทั้งนี้ ข้อมูลจาก EIA และเบอเกอร์ ฮิวจ์ ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด