BCH พุ่ง 7% โบรกฯชี้ยอดตรวจ-รักษา “โควิด” หนุนกำไร Q2 แตะ 987 ลบ.

BCH บวก 7% โบรกฯชี้รพ. รับผลบวกตรวจ-รักษาโควิด-19 หนุน Q2/64 กำไรแตะ 987 ลบ. ขณะเดียวกันมองครึ่งปีหลังจะมีอัพไซด์จากวัคซีนทางเลือกจะเข้ามาปลาย Q3/64 และผู้ป่วยต่างชาติคาดจะกลับมาฟื้นตัวใน Q4/64 ทั้งนี้เชื่อทั้งปี 64 กำไรอาจแตะ 2,388 ลบ. แนะ “ซื้อ” เป้า 25 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (28 มิ.ย.64) ราคาหุ้นบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ณ เวลา 12.17 น. อยู่ที่ระดับ 23.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 6.88% โดยทำจุดสูงสุดที่ 23.80 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 21.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.10 พันล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พฤษภาคม 2564) มีการประเมินยังหุ้น BCH ว่ามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากการประชุมนักวิเคราะห์ (25 พฤษภาคม2564) โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

1.ผู้บริหารคาดไตรมาส 2/2564 จะมีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรอง COVID-19 กับบริษัทพุ่งสูงมากกว่า 500,000 ราย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 เท่าจากไตรมาส 1/2564 ที่ 128,000 ราย เป็นผลมาจากมีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองเฉลี่ย 7,000 รายต่อวัน

2.ช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2564 คาดจะเห็นความชัดเจนรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนทางเลือก Moderna รวมถึงมีแนวโน้มนำเข้าได้มากกว่าคาดเป็น 10 ล้านโดส จากเดิมที่ 5 ล้านโดส

3.ปัจจุบันมีเตียงรองรับผู้ป่วย COVID-19 ในโรงพยาบาลราว 900 เตียง และ Hospitelราว 3,400 เตียงซึ่งปัจจุบัน utilization rate เตียง Hospitelอยู่ที่ 40% ขณะที่เตียงสำหรับ COVID-19 ในโรงพยาบาลค่อนข้างเต็ม

4.โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อรัญ รายได้พุ่ง 2 เท่าและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ารับการรักษา COVID-19 ส่งผลให้เตียงค่อนข้างเต็ม

5.มีการปรับอัตราค่าบริการที่เบิกกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขึ้นเฉลี่ยราว 25% ในเขตสีเหลือง และสีเหลืองเข้มและ ICU เช่นค่าห้องความดันลบเป็น 6,250 บาท จากเดิม 5,000 บาท , อัตราค่าพยาบาลห้อง ICU ปรับเพิ่มขึ้นราว 54% เป็น 7,400 บาท จากเดิมที่ 4,800 บาท เป็นต้น

ขณะเดียวกันทางนักวิเคราะห์ยังคงประเมินกำไรไตรมาส 2/2564 ในเบื้องต้นอยู่ที่ 987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 254% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 205% จากไตรมาสก่อนด้วยจากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยจะประเมินรายได้รวมไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 5,800 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 178% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 150% จากไตรมาสก่อนซึ่งรายได้หลักมาจากการตรวจ COVID-19 อยู่ที่ 4,341 ล้านบาท ตามสมติฐาน และสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (gross profit margin) ที่ 29% ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/2564 ที่ 30.1% เป็นผลจากต้นทุนค่าบริการทางการแพทย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้คาดไตรมาส 2/2564 มีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรอง COVID-19 ราว 500,00 ราย เนื่องจากปัจจุบันมีผู้เข้ารับบริการตรวจคัดกรอง COVID-19ในเดือน เม.ย.- พ.ค.2564 ราว 350,000 ราย มีอัตราเฉลี่ยเข้าตรวจคัดกรองที่ 7,000 รายต่อวัน

อีกทั้งนักวิเคราะห์มีการปรับกำไรสุทธิปี 2564 เพิ่มขึ้น75% เป็น 2,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากเดิมที่ 1,359 ล้านบาท ซึ่งจากการปรับรายได้ IPD เพิ่มขึ้น 149% และรายได้ OPD เพิ่มขึ้น 40% เป็นผลจากรายได้การเข้ารับการรักษาและการตรวจคัดกรอง COVID-19 ขณะที่ปรับ gross profit margin ลดลงเป็น 30% จากเดิมที่ 33% จากต้นทุนค่าบริการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ครึ่งหลังปี 2564ยังมี upside จากประเด็นวัคซีนทางเลือกที่คาดว่าจะเข้ามาเร็วที่สุดในช่วงปลายไตรมาส 3/2564  จากเดิมที่คาดไว้ไตรมาส 4/2564 และยังคงสมมติฐานผู้ป่วยต่างชาติจะเริ่มทยอยกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4/2564

อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 25.00 บาท แนะนำ “ซื้อ” อิงวิธี DCF (WACC 7.1%, Terminal growth 2.5%) (ราคาเป้าหมายเทียบเท่าปี 2564 ค่า PER 26 เท่า) โดยประเมินผู้ป่วยต่างชาติเริ่มทยอยกลับเข้ามารักษาและคาดว่าจะค่อยๆกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/2564 เป็นผลดีต่อศูนย์การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และศูนย์รักษาแผลเบาหวานแบบเต็มรูปแบบที่จะกลับมาช่วยหนุนรายได้โรงพยาบาล World medical hospital นอกจากนี้คาดเห็นงบแสดงการเปลี่ยนแปลงทางการเงินของกิจการ (cash flow) เพิ่มขึ้นราว 1.2 หมื่นล้าน ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไปจากกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ IVF โดยคาดว่า GPM จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วง 35-36%

Back to top button