COM7 วิ่ง 4% โบรกฯ แนะซื้อเป้า 96 บ. ชี้กำไรปีนี้ทะลุ 2 พันลบ. รับดีมานด์สินค้า IT หนุน  

COM7 พุ่ง 4% โบรกฯ ชูกำไรปีนี้แตะ 2.18 พันลบ. ตามความต้องการสินค้า  IT เพิ่มขึ้น รองรับ Work From Home


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (29 มิ.ย.64) ราคาหุ้นบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7  ปิดภาคบ่าย อยู่ที่ระดับ 71.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 3.62% โดยทำจุดสูงสุดที่ 72.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 69 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 671.39 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ( 14 พ.ค. 2564) โดยประเมินหุ้น COM7 เป็นบวกต่องาน Opportunity day เมื่อวันที่ (13 พ.ค. 2564) จากแนวโน้มรายได้ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงหนุนโดยการเตรียมพร้อมรับมือในสถานการณ์ที่ของขาด, การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า และการเริ่มเป็นผู้ให้สินเชื่อเพื่อซื้อสินค้า IT โดยมี ประเด็นสำคัญ คือ

1.บริษัทปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากเดิมเพิ่ม 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าราคาขายเฉลี่ยจะสามารถปรับตัวได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ตามการทยอยเปิดตัว Smartphone 5G เพิ่มขึ้น โดย ณ ปัจจุบันมีการรับรู้ถึง Smartphone 5G ที่สูงขึ้นและทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

2.ได้เตรียมการป้องกันปัญหาเรื่องสินค้าขาดตลาดเพื่อที่จะให้มีสินค้าจำหน่ายตลอด โดยผ่านการเข้าซื้อแบบ Take Lot รวมทั้งได้นำเข้าและขายในรูปแบบ Exclusive model

3.เพิ่มแผนการผ่อนชำระผ่านบริษัท โดยจะขยายโปรแกรม U-Fund (โครงการผ่อนชำระกับนักศึกษา) ไปหน้าร้าน Studio7 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีแค่ U Store และจับมือกับ True money ในการยืนยันตัวตนสำหรับการผ่อนชำระสินค้าให้กับบุคคลทั่วไปในทุกหน้าร้านตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. 2564 จากเดิมที่มีเพียงหน้าร้าน BANANA ในเดือนมี.ค. 2564

4.บริษัทจะเพิ่มสินค้าที่ไม่ใช่ smartphone แบรนด์ Huawei ให้วางจำหน่ายควบคู่กับ Xiaomi ผ่าน หน้าร้าน True shop ที่บริษัทได้เข้าทำสัญญา Exclusive Consignment

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2564 – 2565 เพิ่มขึ้นปีละ 15%  โดยปี 2564 อยู่ที่ 2.18 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 51% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ) และปี 2565 อยู่ที่ 2.76 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลของ 1.ปรับเพิ่มรายได้ให้ขยายตัวที่ 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน /เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากเดิมปีละ 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเพื่อสะท้อนราคาขายเฉลี่ยที่จะเพิ่มขึ้นและยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มที่ไม่มีบัตรเครดิตผ่านโครงการ U-Fund และ True money และ 2.เพิ่ม Gross profit margin ขึ้นปีละ 17 bps ตามรายได้กลุ่ม non-mobile ที่มี GPM สูงเพิ่มขึ้นภายหลังการขายสินค้าที่ไม่ใช่ smartphone ในหน้าร้าน True shop

อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 96 บาท จากเดิม 85 บาท โดยยังคงอิง 2565E PER ที่ 42 เท่า (+3SD above 5-yr average PER) จากการปรับกำไรปกติขึ้น โดยประเมินว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 ของบริษัทมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 2563 – 2565E core EPS CAGR ที่ปรับเพิ่ม 37% จากความต้องการสินค้า IT โดยเฉพาะกลุ่ม work from home ที่จะยังอยู่ในระดับสูงภายหลังที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2564 รวมทั้งโอกาสได้ทำงานร่วมกัน (Synergy) กับกิจการร่วมค้า NCAP ที่คาดว่า Synergy อาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2564

Back to top button