LANNA พุ่งแรง 8% โบรกฯชี้กำไร Q2 ลุ้นนิวไฮ รับราคาถ่านหินอินโดฯหนุน
LANNA พุ่งแรง 8% โบรกฯมอง รับอานิสงส์จากประเด็นขัดแย้งจีน–ออสเตรเลียทำราคาถ่านหินอินโดฯ ปรับตัวขึ้น หนุนกำไรไตรมาส 2 ลุ้นนิวไฮ ชี้ทั้งปีกำไรทะลุ 1 พันลบ. คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (2 ก.ค. 64) ราคาหุ้นบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA ณ เวลา 11.17 น. อยู่ที่ระดับ 17.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท หรือ 7.98% โดยทำจุดสูงสุดที่ 17.80 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 16.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 157.62 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด ได้ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ (28 มิ.ย. 64) ว่าเนื่องจากความขัดแย้งการค้าระหว่างจีน-ออสเตรเลีย ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการยกระดับเพิ่มจากการแบนการนำเข้าสินค้า (รวมถึงถ่านหิน) ไปสู่การยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการกับองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านการค้าและกฎหมายได้ให้ความเห็นว่าข้อพิพาทดังกล่าวอาจใช้เวลายาวนานหลายปี ขณะที่ในระยะ 3 – 6 เดือนข้างหน้ายังเป็นช่วง Restocking ถ่านหินของจีนเพื่อเตรียมสำหรับใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปี
ขณะที่ปัจจุบันตัวเลขสต๊อกถ่านหินที่ท่าเรือ Qinhuangdao (ท่าเรือขนส่งถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดของจีนและโลก) ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดสูงสุดของปีก่อนหน้ากว่า 30-40% เป็นผลให้คาดว่าแนวโน้มการ Sourcing ถ่านหินของจีนเพื่อมาปั่นไฟฟ้าจากอินโดนีเซียน่าจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะกลาง
โดยจากปัจจุบันที่ราคาถ่านหิน ICI ปรับขึ้นแรงในปัจจุบันจากไตรมาสก่อนหน้าถึงปัจจุบัน กว่า 67% มายืนเหนือระดับ 60 เหรียญฯต่อตัน สะท้อนกำไรไตรมาส 2/2564 มีโอกาสทำ New high ประกอบกับ Outlook ราคาถ่านหิน ICI ที่น่าจะทรงตัวในระดับสูงในระยะกลางจากประเด็นจีน-ออสเตรเลีย ทางฝ่ายวิจัยจึงได้ทำการปรับสมมติฐานค่าเฉลี่ยราคาถ่านหิน ICI โดยในปี 2564 มาอยู่ที่ 50 เหรียญฯต่อตัน และ 2565 มาอยู่ที่ 45 เหรียญฯต่อตัน เป็นผลให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 เพิ่มขึ้นอีก 21% มาอยู่ที่ 1,218.70 ล้านบาท เติบโต 316.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและปี 2565 เพิ่มขึ้น 19% มาอยู่ที่ 872.6 ล้านบาท อ่อนตัว 28.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเหมาะสมใหม่ภายหลังการปรับประมาณการที่ 24.50 บาท (อิง Relative valuation โดยใช้ Prospective PE เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่ 10.84 เท่า) ยังมี Upside เมื่อเทียบจากราคาปัจจุบัน ไม่รวมปันผลที่คาดจ่าย 60% จากกำไรสุทธิ อิง Dividend payout ratio ที่กรอบล่างเมื่อเทียบกับย้อนหลัง 5 ปี คิดเป็น อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) จากราคาปัจจุบันอยู่ที่ 8.70% (จ่าย 2 ครั้งต่อปี)