GLOBAL ปิดพุ่ง 7% โบรกฯมองยอดขาย Q2 ทะลุ 8 พันลบ. ดันกำไรปี 64 โต 44% ชูเป้า 27 บ.
GLOBAL ปิดบวก 7% โบรกฯชูเป้า 27 บ. มองยอดขายไตรมาส 2 แตะ 8.70 พันลบ. ดันครึ่งปีแรกทะลุหมื่นล้าน หนุนกำไรปี 64 โต 44%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (5 ก.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือ 6.54% โดยทำจุดสูงสุดที่ 21.70 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 21.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 644.33 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ก.ค.2564) โดยประเมินยอดขายของ GLOBAL ในไตรมาส 2/2564 จะอยู่ที่ 8.70 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.20% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ยอดขายในครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 1.74 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยคาดการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 2/2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 35% จากไตรมาส 2/2563 ที่ลดลง 20% และไตรมาส 1/2564 ที่ 13.70% ซึ่งสมมติฐานปีนี้ของทางฝ่ายวิจัยอยู่ที่ 10% จากฐานต่ำเพราะมีการปิดสาขา ร้านชั่วคราว คาดว่าบริษัทจะเปิดสาขาใหม่ 1 ร้านในไตรมาส 2/2564 ทำให้จำนวนสาขารวมเพิ่มขึ้นเป็น 74 ร้าน
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะอยู่ที่ 25.20% (เพิ่มขึ้น 1.4ppts จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง0.2ppts จากไตรมาสก่อน) จากกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้า House Brand และราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งปีแรก 2564 อยู่ที่ 25.30% (+1.4ppts จากงวดเดียวกันของปีก่อน) สูงกว่าสมมติฐานปีนี้ของทางฝ่ายวิจัยที่ 24.80% ทั้งนี้คาดว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายทั่วไปและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายในไตรมาส 2/2564 จะอยู่ที่13.50% (จาก 16.00% ในไตรมาส 2/2563 และ 12.90% ในไตรมาส1/2564) สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสาขาใหม่
สำหรับกำไรสุทธิของ GLOBAL ในไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะอยู่ที่ 894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 7% จากไตรมาสก่อน ทำให้กำไรสุทธิในครึ่งปีแรก 2564 จะอยู่ที่ 1.90 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 63% ของประมาณการกำไรปีนี้ของทางฝ่ายวิจัย ทั้งนี้กำไรที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจะเป็นเพราะฐานกำไรต่ำในขณะที่กำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อนเป็นเพราะได้อานิสงส์น้อยลงจากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 – 2565 ไว้เท่าเดิม เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มสูงในช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าอัตรากำไรจะได้อานิสงส์น้อยลงจากราคาเหล็กซึ่งทางฝ่ายวิจัยได้ใส่เข้าไว้ในประมาณการเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิ 2564 – 2565 เอาไว้เท่าเดิม ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรที่น่าสนใจที่ 44% ในปี 2564 และ 13% ในปี 2565
ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 27 บาท อิงจาก PER ที่ 38.0 เท่า