POLAR เอาใจรายย่อย ยกเลิกเพิ่มทุน PP แจกวอร์ฯ ฟรี – นำบ.ลูกเข้าตลาด
POLAR ยกเลิกเพิ่มทุน PP ที่เหลืออยู่ พร้อมแจก POLAR-W4 ฟรี เอาใจผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม เตรียมนำบริษัทลูก “แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส” เข้าตลาด ฟุ้งสถาบันต่างชาติสนใจหุ้นกู้แปลงสภาพ
ดร. ญาณกร วรากุลรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ของบริษัทวันที่ 28 ก.ย. 2558 มีมติอนุมัติวาระสำคัญดังนี้
1. ยกเลิกการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ที่เหลือทั้งจำนวน 14,915,000,000 หุ้นซึ่งเป็นจำนวนหุ้นที่เหลือหลังการจัดสรร PP เพิ่มเติมจำนวน 4,000,000,000 หุ้น ตามที่ประธานคณะกรรมการบริหารจัดสรรเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2558 และให้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนโดยยกเลิกหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดที่สำรองไว้เพื่อรองรับการจัดสรร PP ดังกล่าว
ทั้งนี้จะลดทุนจดทะเบียนจาก 995,806,605,840 บาท เป็น 501,694,853,490 บาท โดยยกเลิกหุ้นสามัญจำนวน 16,470,391,745 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 30 บาท โดยการลดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายซึ่งเป็นหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) และหุ้นที่ออกเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 1 (POLAR-W1)
2. เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 4 (POLAR-W4) จํานวน 12,514,951,720 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) และให้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) จากเดิมไม่เกินจำนวน 42,574,758,600 หน่วย เป็นจํานวนไม่เกิน 62,574,758,600 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าในอัตรา 1 หุ้น ได้รับจัดสรร TSR 5 หน่วยโดยมีแผนจะนำไปลงทุนในธุรกิจหลักอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท อีกทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุนเพื่อรองรับการขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆที่ให้ผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทในอนาคต
3. เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจาณาอนุมัติออกและเสนอหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debenture) ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และต่างชาติ ซึ่งผู้ลงทุนดังกล่าวจะไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจำนวนไม่เกิน 1,930,000,000บาท และออกหุ้นสามัญไม่เกินจำนวน 16,500,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการแปลงสภาพและเพื่อนําเงินที่ได้รับมาใช้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทรองรับการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอื่นๆ
อีกทั้งเป็นแหล่งเงินทุนนำไปชำระหนี้หรือช่วยเสริมเงินทุนที่จะขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพิ่มด้วย โดยการออกหุ้นกู้แปลงสภาพมีข้อดีคือ มีต้นทุนต่ำกว่าการกู้ยืมสถาบันการเงิน (ดอกเบี้ย) สามารถออกและเสนอขายได้ตามความต้องการใช้เงินของบริษัทซึ่งไม่ต้องมีหลักประกันหรือผู้ค้ำประกัน และไม่ต้องคืนเงินต้นหากนักลงทุนใช้สิทธิแปลงสภาพ
4. มีมติให้ดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับการนำบริษัท แพลทตินั่ม ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (Platinum) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นสัดส่วน 99.99% ของทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (IPO) และต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Right) เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้นให้มากที่สุด
5. มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม 501,694,853,490บาท เป็น 3,372,290,993,490 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 95,686,538,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 30บาท ประกอบด้วยเพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลง TSR,POLAR-W4
รวมถึงรองรับการแปลงสิทธิหุ้นกู้แปลงสภาพ รองรับการใช้สิทธิแปลง POLAR-W2 และ POLAR-W3 ขณะที่มีมติเปลี่ยนแปลงวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้ง 1/2558 (Record Date) จากเดิมวันที่ 8 ต.ค.2558 เป็น 21 ต.ค.2558 อีกทั้งมีมติเลื่อนวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 จากเดิมวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ย.2558 เป็นวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. 2558 เวลา 14.00 น. ณ ห้องบอลรูม ชั้น 3 โรงแรมเดอะแกรนด์โฟร์วิงส์คอนเวนชั่น
“การที่เรายกเลิกการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) และเปลี่ยนเป็นการเพิ่มทุนแบบให้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (TSR) และแถมออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 4 (POLAR-W4) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้สิทธิ์อย่างเท่าเทียมและหากไม่อยากเพิ่มทุนก็สามารถนำสิทธิ์ไปเปลี่ยนมือได้ในตลาดหลักทรัพย์”
“วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนรอบนี้คือเพื่อเป็นเงินทุนใช้พัฒนาโครงการ The Sherwood London ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2560 ต้นปี มูลค่าโครงการกว่า 7000 ล้านบาท และเพื่อลงทุนพัฒนาที่ดินเฟสที่เขาหลัก แฟสแรกโดยมีแผนพัฒนาเป็นโครงการบ้านพักตากอากาศขนาดใหญ่ในรูปแบบ Pool Villa จำนวน 80 ยูนิต ที่จะบริหารโดยโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยมูลค่าก่อสร้างประมาณ 1,500 ล้านบาท” ดร. ญาณกร กล่าว